เสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการเสริม Zinc ภายในเซลล์

ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่ยังคงน่ากังวล สัดส่วนผู้ที่ติดเชื้อในประเทศไทยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนอยู่ที่ราว 1% ของประชากรทั้งหมด ในขณะที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งพบการระบาดสูงกว่ามาก สัดส่วนนี้อาจสูงถึง 2-3% ของประชากรทั้งหมด

วิธีที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ นอกจากการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำแล้ว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันภายในร่างกาย ก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่พอจะช่วยป้องกันให้ร่างกายพ้นจากไวรัสร้ายนี้ไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไปจนถึงการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

แล้วอาหารเสริมอะไรบ้างที่มีส่วนช่วยในการเพิ่มภูมิคุ้มกันในร่างกาย ? นอกจากวิตามินซี ที่หลายคนคุ้นเคยในสรรพคุณต่อต้านอนุมูลอิสระ และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันแล้ว อาหารเสริมอีกชนิดหนึ่งที่น่าสนใจ และมีผลการวิจัยที่รองรับ ก็คือ ธาตุซิงค์ (Zinc) หรือสังกะสี

งานวิจัยในวารสาร Advance Nutrition ปี 2019 กล่าวว่า ซิงค์ภายในเซลล์สามารถลดจำนวนเชื้อไวรัสและลดการเกาะตัวของไวรัสที่ผิวเซลล์ จึงทำให้ Viral Load ลดลงและเพิ่มภูมิต้านทานได้ ทำให้ติดเชื้อไวรัสได้ยากขึ้นหรือหากติดเชื้อแล้วก็สามารถหายได้เร็วขึ้น

ซึ่งสอดคล้องกับผลการวิจัยทางคลินิกในคนไข้ติดเชื้อไวรัสของผลิตภัณฑ์ ซิงค์ของควอลิเมด ที่พบว่า ในกลุ่มเด็กนักเรียนที่เป็นไข้หวัด (Common cold) เด็กที่เป็นโรคติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนล่าง (Acute Lower Respiratory Tract Infection) เด็กที่เป็นโรคปอดบวม (Pneumonia) และเด็กที่เป็นโรคไข้เลือดออก (Dengue) ที่ได้รับการเสริมซิงค์ของควอลิเมดช่วยให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสหายจากอาการติดเชื้อได้เร็วกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนั้น ระดับซิงค์ในร่างกายก่อนได้รับเชื้อไวรัสเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการรักษา โดยในงานวิจัยพบว่า กลุ่มที่มีระยะเวลาในการรักษาสั้นที่สุด ได้แก่ กลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีระดับซิงค์ในร่างกายที่เพียงพอก่อนได้รับเชื้อไวรัสมีระยะเวลารักษาตัวที่สั้นกว่ากลุ่มที่มีระดับซิงค์ต่ำ และกลุ่มที่มีระยะเวลาในการรักษาสั้นที่สุด คือ กลุ่มที่มีระดับซิงค์ในร่างกายที่เพียงพอและได้รับการเสริมซิงค์ของควอลิเมด หลังติดเชื้อไวรัสร่วมด้วย

เหตุผลที่สนับสนุนผลลัพธ์จากงานวิจัยข้างต้น ได้แก่ การที่ซิงค์ในเซลล์มีส่วนในการยับยั้งการสร้าง RNA ของไวรัส ในกลุ่ม Coronavirus ทำให้ลดจำนวนไวรัสในร่างกาย และลดการเกาะของไวรัสที่เซลล์ ทำให้จำนวนเชื้อไวรัสในร่างกายมีไม่มากพอที่จะก่อให้เกิดอาการจากการติดเชื้อไวรัส หรือหากมีอาการก็จะเป็นอาการที่ไม่รุนแรง

สอดคล้องกับงานวิจัยจาก Department of Nutrology and Clinical Nutrition, Sancta Maggiore Hospital ในประเทศบราซิล ที่พบว่า “ภาวะขาดซิงค์” ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการที่รุนแรง โดยผู้ที่มีระดับซิงค์ในร่างกายต่ำ จะมีอาการหายใจลำบากเฉียบพลันที่รุนแรง มากกว่ากลุ่มที่มีระดับซิงค์ปกติถึง 14.4 เท่า..

และงานวิจัยจากประเทศอินเดีย ที่พบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีระดับซิงค์ในร่างกายต่ำมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีซิงค์ในร่างกายในระดับปกติถึง 5.48 เท่า

ดังนั้นการเสริมซิงค์อย่างสม่ำเสมอให้ร่างกายมีระดับซิงค์ที่เพียงพอ จึงจำเป็นในการรับมือกับไวรัสโควิด-19 เพราะหากติดเชื้อจะมีอาการรุนแรงน้อยกว่าและมีโอกาสเสียชีวิตต่ำกว่ามาก

การเลือกเสริมด้วยซิงค์ของ QUALIMED ขนาด 15 มิลลิกรัม วันละ 1 เม็ด เป็นประจำทุกวัน สำหรับทุกคนที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยเตรียมร่างกายของคุณและบุคคลที่คุณรัก ทั้งที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนไปแล้ว เพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง พร้อมรับมือกับภัยร้ายของโควิด-19

กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้คนไทยอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป บริโภคสารอาหารที่เป็นธาตุซิงค์วันละ 15 มิลลิกรัม เป็นประจำทุกวัน

ดังนั้น หากจะต้องเลือกรับประทานซิงค์ จึงควรเลือกที่เป็นรูปแบบ Zinc Chelate เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีระดับซิงค์ภายในเซลล์ที่ดีพอสำหรับเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

การเสริมธาตุซิงค์เพื่อรับมือไวรัสไม่สูญเปล่า เพราะซิงค์ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน เป็นการช่วยเสริมภูมิต้านทานที่ได้รับมาจากวัคซีน หรือ Adaptive Immunity นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในการเพิ่มความสูงของเด็กและลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งในผู้ใหญ่

สำหรับท่านใดที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
Facebook : Qualimed Exclusive หรือคลิก http://m.me/qualimedexclusive
Line: @qualimedexclusive หรือคลิก https://lin.ee/j2vxyPq

References:
-https://www.researchgate.net/publication/334492528_The_Role_of_Zinc_in_Antiviral_Immunity?enrichId=rgreq-1112196e011662b8cb78e3adeab00067-XXX&enrichSource=Y292ZXJQYWdlOzMzNDQ5MjUyODtBUzo3ODMyNDM3Nzk1MTQzNjhAMTU2Mzc1MTI3NzUyOA%253D%253D&el=1_x_2&_esc=publicationCoverPdf
-https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S120197122030730X
-https://www.tandfonline.com/doi/full/10.1179/2046905513Y.0000000064