MINT ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 4.6 พันล้านบาท เติบโตร้อยละ 347 ในไตรมาส 3 ปี 2562

MINT ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 4.6 พันล้านบาท เติบโตร้อยละ 347 ในไตรมาส 3 ปี 2562

13 พ.ย. 2019
บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) (“MINT”) ประกาศกำไรสุทธิจำนวน 4,560 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 347 จากกำไรสุทธิจำนวน 1,020 ล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2561 โดยการเติบโตอย่างโดดเด่นของกำไรสุทธิในไตรมาสนี้เป็นผลมาจากกำไรส่วนเพิ่มอย่างมีนัยสำคัญจากเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป และการรับรู้กำไรจากการขายโรงแรมทิโวลี 3 แห่งในประเทศโปรตุเกสในไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขายสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ของ MINT ส่วนอนันตรา เวเคชั่น คลับมีการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2562 เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปี 2561 สำหรับช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 MINT มีกำไรสุทธิจำนวน 6,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 76 จากกำไรสุทธิจำนวน 3,944 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2561 การลงทุนของ MINT ในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป และการขายและเช่ากลับของโรงแรมทิโวลี 3 แห่งในประเทศโปรตุเกส
แสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติตามกลยุทธ์ของ MINT ในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งได้แก่ (i) การลงทุนในธุรกิจที่แข็งแกร่งและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในราคาที่น่าดึงดูด และ (ii) แสดงถึงการรับรู้มูลค่าสินทรัพย์ของ MINT ผ่านกลยุทธ์การขายสินทรัพย์ โดยใช้ประโยชน์จากสภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำและตลาดที่มีสภาพคล่องสูง ในทวีปยุโรป จากกลยุทธ์ดังกล่าว ส่งผลให้ MINT ก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ความไม่แน่นอนจากทั่วโลก
ซึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับจีน การแข็งค่าของสกุลเงินบาท และการบริโภคภายในประเทศที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ MINT มีผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ที่สูงกว่าคู่แข่งทั้งในประเทศและระดับภูมิภาค ไมเนอร์ โฮเทลส์มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานเติบโตร้อยละ 86 อยู่ที่ 1,212 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2562 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 651 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2561 โดยมีสาเหตุมาจากกำไรส่วนเพิ่มจากเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป และการพลิกฟื้นผลการดำเนินงานของอนันตรา เวเคชั่น คลับ
ทั้งนี้ ไมเนอร์ โฮเทลส์ยังคงเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานการดำเนินงานระดับโลก ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมตั้งแต่ทวีปออสเตรเลีย เอเชีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกา โดยการรวมการดำเนินงานระหว่างไมเนอร์ โฮเทลส์และเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปเป็นไปตามแผน และได้สร้างประโยชน์มากมายให้กับบริษัท ยกตัวอย่างเช่น กลุ่มโรงแรมในประเทศโปรตุเกสและบราซิลได้ถูกโอนการดำเนินงานไปอยู่ภายใต้การบริหาร ของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2562 เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในทวีปยุโรปและละตินอเมริกาของเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ในทำนองเดียวกัน จากความสัมพันธ์เชิงธุรกิจที่ดีระหว่างเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป กับเจ้าของและนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ทั่วทวีปยุโรป พร้อมทั้งแบรนด์อนันตราที่แข็งแกร่งมีผลไมเนอร์ โฮเทลส์ประสบความสำเร็จในการเปิดตัวโรงแรมภายใต้แบรนด์อนันตราแห่งแรกในเมืองมาร์เบลลา ประเทศสเปน ในเดือนกรกฎาคม ปี 2562
และได้มีการประกาศแผนการเปิดโรงแรมอนันตราแห่งแรกในเมืองดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ต่อไป ไมเนอร์ ฟู้ดยังคงมีผลการดำเนินงานที่ชะลอตัว โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานจำนวน 207 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2562 เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิจำนวน 350 ล้านบาทในไตรมาส 3 ปี 2561 จากยอดขายต่อร้านเดิมที่อ่อนตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่สมดุลกันระหว่างการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้าและจำนวนร้านอาหารในประเทศไทย โดยไมเนอร์ ฟู้ดใช้โอกาสดังกล่าวในการปรับเปลี่ยนเมนูอาหารลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน และมองหาโอกาสใหม่ในการเติบโต เพื่อใช้ประโยชน์จากการหยัดต่อขนาดทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยภาพรวม MINT ยังคงมั่นใจในผลการดำเนินงานของทั้งปี 2562 และแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว จากความหลากหลายทางธุรกิจและทางภูมิศาสตร์
โดย MINT และเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ปจะยังคงทำงานร่วมกันอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างประโยชน์ร่วมกันโดยทั้งสองบริษัทเชื่อว่ายัง คงมีโอกาสในการสร้างประโยชน์ร่วมกันอีกมาก นอกจากนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวในขณะที่ไมเนอร์ โฮเทลส์คาดว่าจะมีการรับรู้ยอดขายจากโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขายในไตรมาสที่ 4 ทั้งนี้ จากการมุ่งเน้นในธุรกิจบริการจัดส่งอาหาร เทคโนโลยี และโอกาสใหม่ในการเติบโต ไมเนอร์ ฟู้ดจึงคาดว่าจะค่อยๆ มียอดขายที่แข็งแกร่งขึ้นต่อไป MINT ยังคงมุ่งมั่นที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงินด้วยประโยชน์จากตลาดตราสารหนี้ในสกุลเงินบาทและดอลลาร์สหรัฐฯ ที่มีสภาพคล่องสูง และชื่อเสียงที่แข็งแกร่งของ MINT ในฐานะผู้ออกหลักทรัพย์ ซึ่งรวมถึง: (i) การจ่ายคืน Bridge Finance ที่ใช้ในการลงทุนในเอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป ซึ่งเป็นเงินกู้ระยะยาวอายุเฉลี่ยมากกว่า 6 ปี และ (ii) การยืดหยุ่นของมาตรฐานการบัญชีฉบับใหม่สำหรับหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนอย่างน้อยไปจนถึงสิ้นปี 2565 ซึ่งอยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยสภาวิชาชีพบัญชี นอกจากนี้ MINT ได้นำเงินสดที่ได้รับจากการขายโรงแรมทิโวลี 3 แห่งในประเทศโปรตุเกสไปชำระคืนเงินกู้บางส่วน ในขณะที่กำไรจากการขายจะช่วยเพิ่มฐานส่วนของผู้ถือหุ้น ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 1.35 เท่า ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งเป็นไปตามนโยบายภายในของ MINT ที่ทางทีมผู้บริหารได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.