บ้านปูฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Greenerเต็มพิกัด เพิ่มสัดส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พร้อมติดเครื่อง “บ้านปู เน็กซ์”

บ้านปูฯ เดินหน้ากลยุทธ์ Greenerเต็มพิกัด เพิ่มสัดส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ พร้อมติดเครื่อง “บ้านปู เน็กซ์”

28 ก.พ. 2020
รายได้จากการขาย2,759 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ85,660 ล้านบาท) และ EBITDA 695ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ21,578 ล้านบาท)เดินหน้ากลยุทธ์Greenerขยายธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และจัดตั้งธุรกิจ “บ้านปู เน็กซ์” เต็มพิกัดเพื่อเพิ่มพอร์ตพลังงานสะอาด ตอบโจทย์รูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำธุรกิจด้านพลังงานแบบครบวงจรแห่งภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงาน
ผลภาพรวมการดำเนินงานปี2562 ของบริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม2,759 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 85,660 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน 722 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 22,416 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 21 โดยมีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA)รวม695ล้านเหรียญสหรัฐ(ประมาณ21,578 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 41 จากปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ Greenerอย่างเต็มพิกัด สร้างการเติบโตธุรกิจพลังงานสีเขียวด้วยการเพิ่มสัดส่วนธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และการจัดตั้งบริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด เพื่อพัฒนาและต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงาน ให้สอดรับกับเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคต
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า“แนวโน้มธุรกิจพลังงานในช่วงปี2562 สะท้อนถึงความท้าทายจากปัจจัยต่าง ๆ ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าของประเทศคู่กรณี ความต้องการใช้พลังงานชะลอตัวจากปัจจัยสภาวะอากาศที่ไม่หนาวเย็นนักในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือ และการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่อง แม้กระนั้น เรายังคงเดินหน้าเสริมสร้างความแข็งแกร่งและสมดุลให้กับระบบนิเวศทางธุรกิจระหว่างกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ทั้งกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน และกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน มุ่งสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ตอบรับกับเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคต ที่สนับสนุนการผลิตและการใช้พลังงานสะอาด รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะเริ่มได้เห็นความคืบหน้าทางธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมในปี2563
เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยกลยุทธ์Greener & Smarterเมื่อเดือนธันวาคม 2562 บ้านปูฯ ได้ลงทุนเป็นจำนวน770 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 23,907 ล้านบาท) เพื่อเข้าซื้อแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ในมลรัฐ เท็กซัส สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีอุปสงค์การใช้ก๊าซธรรมชาติมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาคิดเป็น15% ของความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติรวมของประเทศ และส่งผลให้บ้านปูฯ ก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ20 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกา การเข้าซื้อกิจการแหล่งก๊าซธรรมชาติบาร์เนตต์ นับได้ว่าอยู่ในช่วงเวลาและราคาที่น่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังมีความเสี่ยงและมีต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ และช่วยยกระดับศักยภาพของบ้านปูฯ ให้มีพอร์ตทางธุรกิจที่หลากหลายตอบรับกับความต้องการในหลากหลายพื้นที่ ต่อยอดความเป็นผู้นำและศักยภาพในการบริหารทรัพยากรด้านธุรกิจก๊าซธรรมชาติของบ้านปูฯ จากเดิมที่มีแหล่งก๊าซธรรมชาติMarcellusในพื้นที่ตะวันออกเฉียง เหนือของมลรัฐเพนซิลเวเนียอยู่แล้ว นอกจากนี้ การเข้าซื้อบาร์เนตต์ฯ ยังมีโอกาสคืนทุนได้เร็ว โดยคาดการณ์ว่าสามารถคืนทุนให้บ้านปูฯ ได้ภายใน6 ปี ขณะที่มีปริมาณสำรองการผลิตระยะยาวอย่างน้อย16 ปี
นอกจากนี้ บ้านปูฯ ยังปรับกระบวนทัพทางธุรกิจครั้งสำคัญ โดยการจัดตั้ง บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัดที่มีทุนจดทะเบียน7,919 ล้านบาท แล้วเสร็จเมื่อวันที่27กุมภาพันธ์ 2563ซึ่งจะดำเนินงานเป็นบริษัทหลัก (Flagship) ของกลุ่มบริษัทบ้านปูฯ เพื่อมุ่งลงทุนและพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีพลังงานอาทิ การดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน การให้บริการวางระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด การออกแบบและผลิต       ยานยนต์ไฟฟ้า การผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ไฟฟ้า ระบบกักเก็บพลังงาน และระบบการจัดการเทคโนโลยีพลังงาน เพื่อเสริมทัพสมาร์ทโซลูชันด้านพลังงานอย่างครบวงจร โดยมีความคืบหน้าทางธุรกิจตลอดปี2562 ทั้งการขยายพอร์ตธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคากับลูกค้าระดับพรีเมี่ยมทั่วประเทศ แผนความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ทั้งการขนส่งสินค้าและพัสดุไปรษณีย์ด้วยยานยนต์ไฟฟ้า และการขยายกำลังผลิตโรงงานแบตเตอร์รีลิเธียมอิออน1 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กับการรุกขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและฉับไวเช่นนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบ้านปูฯ ในการเติบโตในพอร์ตพลังงานสะอาดทั้งในระยะสั้นและระยะยาว อีกทั้งความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืนตามหลักESG ซึ่งประกอบด้วย สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และการกำกับดูแลกิจการ (Governance)
“ในวันที่ บ้านปูฯ กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่4 กลยุทธ์Greener & Smarter รวมถึงการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด และการเสริมสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่เอื้อประโยชน์และส่งเสริมซึ่งกันและกันระหว่างกลุ่มธุรกิจทั้งหมดของเราใน10 ประเทศทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คือหัวใจหลักในการเดินหน้าสร้างการเติบโตที่ตอบรับกับเทรนด์พลังงานแห่งโลกอนาคตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว ทั้งในส่วนธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้บ้านปูฯในปัจจุบันคือกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน ซึ่งเราจะไม่หยุดยกระดับการปรับปรุงคุณภาพและลดต้นทุน รวมทั้งพิจารณาถึงตลาดที่มีศักยภาพใหม่ ๆ อาทิ อินเดียและบังคลาเทศ ส่วนในกลุ่มธุรกิจผลิตพลังงานจะมุ่งหน้าสู่เป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวม5.3 กิกะวัตต์เทียบเท่า ภายในอีก 5 ปี โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่เน้นประสิทธิภาพสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในศักยภาพการสร้างกระแสเงินสดที่สม่ำเสมอผ่านการพัฒนาโครงการในพอร์ตฟอลิโอให้ทันตามระยะเวลาที่กำหนด ในส่วนกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน บ้านปูฯ จะพิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพของเราในการสร้างสมาร์ทโซลูชันที่หลากหลายแบบครบวงจรและสามารถสร้างรายได้ให้กับกลุ่มบริษัทบ้านปูฯ อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ เราจะยังคงยืนหยัดก้าวข้ามความท้าทายทั้งหลาย เพื่อแสดงความเป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานแบบครบวงจรอย่างแท้จริง”นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย
สำหรับภาพรวมปี2562 บ้านปูฯ มีรายได้จากการขายรวม 2,759 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ85,660 ล้านบาท) ลดลงจากปีก่อน 722 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ22,416 ล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 21 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA)รวม695 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 21,578 ล้านบาท) ลดลงร้อยละ 41 จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิก่อนผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนคิดเป็นจำนวน75 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,329 ล้านบาท) ซึ่งปรับลดลงร้อยละ66 จากปีก่อนหน้า จากการแข็งค่าของเงินบาทอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับเหรียญสหรัฐในปีที่ผ่านมาทำให้เกิดผลขาดทุนจากการแปลงค่างบการเงินจำนวน95 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,950 ล้านบาท) งบการเงินรวมจึงได้บันทึกขาดทุนสุทธิจำนวน20 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 621 ล้านบาท)
*หมายเหตุ: คำนวณโดยอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนที่USD 1: THB 31.0476
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.