Unilever กับความลับของสาร X9
4 มิ.ย. 2020
ครั้งหนึ่ง Unilever เคยเปิดตัวแชมพูยี่ห้อใหม่ในอินเดีย
ในช่วงก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตสินค้านั้น มีพนักงานคนหนึ่งเกิดนึกสนุกขึ้นมา
เขาได้พิมพ์ข้อความลงไปบนฉลากของแชมพูว่า “มีส่วนผสมของสาร X9”
ในช่วงก่อนที่จะเริ่มทำการผลิตสินค้านั้น มีพนักงานคนหนึ่งเกิดนึกสนุกขึ้นมา
เขาได้พิมพ์ข้อความลงไปบนฉลากของแชมพูว่า “มีส่วนผสมของสาร X9”
และถือเป็นความผิดพลาดของ Unilever
ที่ปล่อยให้ข้อความเท็จนี้หลุดรอดออกไปถึงขั้นตอนการผลิต
ที่ปล่อยให้ข้อความเท็จนี้หลุดรอดออกไปถึงขั้นตอนการผลิต
แชมพูที่อ้างว่ามีส่วนผสมของสาร X9 ได้ถูกกระจายไปยังตัวแทนจำหน่ายทั่วภูมิภาค
Unilever ทราบดี ว่าการเรียกคืนสินค้านั้นจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล
พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยเลยตามเลย..
Unilever ทราบดี ว่าการเรียกคืนสินค้านั้นจะก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาล
พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะปล่อยเลยตามเลย..
หลังจากผ่านไป 6 เดือน สินค้าล็อตเดิมก็ขายจนหมด
การผลิตรอบใหม่จึงเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการระบุถึง “สาร X9”
การผลิตรอบใหม่จึงเริ่มต้นขึ้นโดยไม่มีการระบุถึง “สาร X9”
แต่แล้ว เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
Unilever ได้รับจดหมายต่อว่าจากลูกค้าจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องที่นำสาร X9 ออกจากส่วนผสมของแชมพู
Unilever ได้รับจดหมายต่อว่าจากลูกค้าจำนวนมาก
เกี่ยวกับเรื่องที่นำสาร X9 ออกจากส่วนผสมของแชมพู
บ้างก็ว่าแชมพูไม่มีประสิทธิภาพเหมือนเดิม
ใช้แล้วผมไม่เงางามเหมือนเดิม เส้นผมไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
ใช้แล้วผมไม่เงางามเหมือนเดิม เส้นผมไม่แข็งแรงเหมือนเดิม
ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่สาร X9 นั้นไม่ได้มีอยู่จริงด้วยซ้ำ..
เราลองมาดูปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสาร X9
เราลองมาดูปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของสาร X9
อันดับแรก มนุษย์เรามักจะสนใจในเรื่องที่เป็นปริศนา
ทำไมบางคนถึงอยากซื้อสินค้าที่เพิ่งออกมาใหม่
หนึ่งในเหตุผลยอดนิยมก็คือ อยากทดลองใช้ว่าดีจริงหรือไม่
หนึ่งในเหตุผลยอดนิยมก็คือ อยากทดลองใช้ว่าดีจริงหรือไม่
สาร X9 คืออะไรนั้น ไม่มีใครรู้ เพราะมันไม่ได้มีอยู่จริง
แต่ลูกค้าที่ซื้อแชมพูนั้นไป น่าจะอยากลองใช้ดู
ว่าส่วนผสมนี้จะช่วยให้ผมนุ่มสลวยและเงางามได้หรือไม่
แต่ลูกค้าที่ซื้อแชมพูนั้นไป น่าจะอยากลองใช้ดู
ว่าส่วนผสมนี้จะช่วยให้ผมนุ่มสลวยและเงางามได้หรือไม่
ในความเป็นจริงแล้ว เราแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
ว่าสารพิเศษที่หลายๆ แบรนด์อ้างว่าเป็นส่วนผสมของสินค้า
มันมีสรรพคุณดีอย่างที่อ้างหรือเปล่า
หรือต่อให้เป็นจริง แล้วมันมีปริมาณมากพอจะส่งผลกับเราได้จริงหรือไม่?
ว่าสารพิเศษที่หลายๆ แบรนด์อ้างว่าเป็นส่วนผสมของสินค้า
มันมีสรรพคุณดีอย่างที่อ้างหรือเปล่า
หรือต่อให้เป็นจริง แล้วมันมีปริมาณมากพอจะส่งผลกับเราได้จริงหรือไม่?
อีกเรื่องหนึ่งคือ สาร X9 เป็นกรณีคล้ายกับ “ยาหลอก” (Placebo)
เคยมีการทดลองให้ยาหลอกกับผู้ป่วย ซึ่งเป็นแค่เม็ดแป้งธรรมดาเท่านั้น
แต่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกนั้น กลับบอกว่ายาที่ได้รับส่งผลให้อาการของพวกเขาดีขึ้น
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วยาหลอกไม่ได้มีผลต่อการรักษาเลย
แต่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกนั้น กลับบอกว่ายาที่ได้รับส่งผลให้อาการของพวกเขาดีขึ้น
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วยาหลอกไม่ได้มีผลต่อการรักษาเลย
ยาหลอกกับสาร X9 มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน
คือการสร้างความหวังถึงผลลัพธ์ให้กับเรา
ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่อยากจะเชื่อนั่นเอง
คือการสร้างความหวังถึงผลลัพธ์ให้กับเรา
ทำให้เราเชื่อในสิ่งที่อยากจะเชื่อนั่นเอง
ลองนึกถึงสินค้าที่เราซื้อเพราะคำโฆษณาที่อวดอ้างไว้
ตัวอย่างเช่น ครีมบำรุงผิวหน้าที่อ้างว่าจะทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย
ตัวอย่างเช่น ครีมบำรุงผิวหน้าที่อ้างว่าจะทำให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย
ถามว่าเมื่อตัวเราเองใช้แล้วรู้สึกหน้าดูเด็กขึ้นหรือเปล่า?
ถ้าเราตอบว่าใช่ ครีมบำรุงก็คงเป็นเหมือนสาร X9
ถ้าเราตอบว่าใช่ ครีมบำรุงก็คงเป็นเหมือนสาร X9
เราอาจลองนำเรื่องนี้มาปรับใช้กับการทำการตลาด
การสร้างส่วนผสมที่ดูลึกลับ น่าค้นหาให้กับสินค้าของเรา
อาจจะเป็นชื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือส่วนผสมที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน
การสร้างส่วนผสมที่ดูลึกลับ น่าค้นหาให้กับสินค้าของเรา
อาจจะเป็นชื่อเทคโนโลยีใหม่ๆ หรือส่วนผสมที่ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อน
นั่นเป็นขั้นแรก คือการดึงความสนใจของลูกค้า
จากนั้นก็บอกถึงผลลัพธ์ที่ลูกค้าพึงปรารถนาจากสินค้าหรือบริการของเรา
เพื่อสร้างความคาดหวังที่ลูกค้าอยากจะได้รับ
เพื่อสร้างความคาดหวังที่ลูกค้าอยากจะได้รับ
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ผลลัพธ์นั้นจะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความจริงด้วย
ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงในทันที..
ไม่เช่นนั้น จะกลายเป็นการอวดอ้างสรรพคุณเกินจริงในทันที..