เปิดสถิติ 2 ปี หลัง LINE รีแบรนด์ Timeline เป็น VOOM มียอดสร้างคอนเทนต์ใหม่ 5 แสนคอนเทนต์ ต่อวัน

ถ้าใครยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ LINE แอปพลิเคชันแช็ตยอดนิยมของคนไทย ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 53 ล้านคน มีแพลตฟอร์มโซเชียลของตัวเอง ที่เรียกว่า LINE Timeline

แต่ LINE ได้ทำการ “รีแบรนด์ดิ้ง” LINE Timeline ให้กลายเป็นแพลตฟอร์มวิดีโอโซเชียล ที่ชื่อว่า LINE VOOM ตั้งแต่ปี 2021 ที่ผ่านมา

ซึ่งในวันนี้ คุณฟิลลิป คิม หัวหน้าฝ่ายของ LINE VOOM ได้ทำการอัปเดตสถิติ และพฤติกรรมการใช้งานที่น่าสนใจ ของ LINE VOOM หลังการรีแบรนด์ดิ้ง มาได้ราว ๆ 2 ปี

คุณฟิลลิป ให้ข้อมูลว่า LINE VOOM เป็น “วิดีโอโซเชียลแพลตฟอร์ม” มีคอนเทนต์ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ ที่มีสาระ และคอนเทนต์สนุก ๆ หรือที่เรียกว่า Utilitainment Content (มาจากคำว่า Utility และ Content)

โดยมีคอนเทนต์ยอดนิยม คือ คอนเทนต์รีวิวสินค้า อินฟลูเอนเซอร์ สูงวัย ไลฟ์สไตล์ สาระบันเทิง และข่าวสาร เป็นหลัก

ส่วนในด้านจำนวนผู้ใช้งานนั้น ในปัจจุบัน LINE VOOM มีจำนวนผู้ใช้งาน 35 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มบริการต่าง ๆ ของ LINE เป็นรองเพียงบริการแช็ตเท่านั้น

สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้งาน LINE VOOM เกินครึ่ง (57%) เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ต่างจังหวัด
และมีอายุอยู่ในช่วง 30 - 39 ปี และกลุ่มผู้สูงวัย ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป เป็นส่วนใหญ่

และในแต่ละวัน จะมีคอนเทนต์ใหม่ ๆ เกิดขึ้น บน LINE VOOM มากถึง 500,000 คอนเทนต์ต่อวันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม คุณฟิลลิป ยอมรับว่า จำนวนผู้ใช้งานของ LINE VOOM นั้น “คงที่” ที่ 35 ล้านคน ไม่ได้เพิ่มขึ้นหลังการรีแบรนด์จาก LINE Timeline แต่อย่างใด

แต่นั่นหมายความว่า LINE VOOM ยังคงมีช่องว่าง และโอกาส ที่จะดึงดูดผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน LINE ให้เข้ามาใช้งาน LINE VOOM เพิ่มเติมได้อีกราว 18 ล้านคน

โดยสิ่งที่เป็นจุดแข็งสำคัญของ LINE VOOM ก็คือ การเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลของผู้ใช้งานชาวไทยทุกคน ที่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย อยู่บนแพลตฟอร์มที่คุ้นเคย ไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพิ่ม

รวมถึงมีความหลากหลาย ทั้งในด้านอายุ ไลฟ์สไตล์ และวัฒนธรรม ซึ่งความหลากหลายนี้ แตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม แม้ LINE VOOM จะมีข้อได้เปรียบข้างต้น โดยเฉพาะการมีฐานผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน LINE เดิม เป็นฐานสำหรับต่อยอด

แต่ก็อย่าลืมว่า หาก LINE VOOM ต้องการแข่งขันกับแพลตฟอร์มโซเชียลอื่น ๆ คงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบัน ที่เกือบทุกแพลตฟอร์มโซเชียล ต่างหันมาจับเทรนด์ “คลิปวิดีโอสั้น” กันแทบทั้งสิ้น