“มูลนิธิเอสซีจี” ผนึกกำลังทุกภาคส่วน ขยายแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ขับเคลื่อนเป็นวาระแห่งชาติ
30 พ.ย. 2023
ในวันนี้มูลนิธิเอสซีจีได้เดินหน้าขยายแนวคิด Learn to Earn “เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด”
ผ่านการจัดงาน Learn to Earn : The Forum ผนึก Key Drivers ทุกภาคส่วนระดับประเทศ
นำทัพสร้างให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อจุดประกายและเปิดมุมมองใหม่ ให้เยาวชนได้เรียนรู้ ปรับตัวแบบ Lifelong learning พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นำทัพสร้างให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อจุดประกายและเปิดมุมมองใหม่ ให้เยาวชนได้เรียนรู้ ปรับตัวแบบ Lifelong learning พร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวว่า
“ประเทศไทย ต้องเร่งขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
“ประเทศไทย ต้องเร่งขับเคลื่อนและเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน
ดังนั้นคนจึงเป็นทรัพยากรที่สำคัญของประเทศชาติ รัฐบาลจึงเร่งปรับปรุงคุณภาพการศึกษาทุกระดับ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและขจัดความยากจน
ด้วยการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีในการเรียนการสอน ทำให้ทุกคนเข้าถึงการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานที่จะทำให้เกิดคุณภาพชีวิตดีขึ้น มีรายได้เลี้ยงตนเองได้
พร้อมส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือ Lifelong learning เร่งพัฒนาทักษะทั้ง Hard skill และ Soft skill รวมถึงสร้าง Future skill ที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน และอาชีพใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
“Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยูรอด เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในฐานะรองนายกฯ ที่ดูแลกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนนั้น อยากเห็นประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา อุตสาหกรรม และสาธารณสุข
ซึ่งการจะก้าวไปถึงจุดนั้นได้ พวกเราต้องเตรียมพร้อมแรงงานของชาติให้เก่งทั้งทักษะงาน และทักษะการใช้ชีวิต ที่สำคัญต้องเป็นคนดีมีน้ำใจ
ซึ่งจะทำให้ประเทศเราก้าวไปเร็วยิ่งขึ้น ขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่เห็นความสำคัญและร่วมกันขับเคลื่อนให้แนวคิดดังกล่าวเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันได้และพัฒนาได้อย่างยั่งยืน”
ด้านนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส ประธานกรรมการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า “มูลนิธิเอสซีจี ได้ดำเนินงานเพื่อสังคม ลดความเหลื่อมล้ำด้วยการสนับสนุนทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชนมานานกว่า 60 ปี เป็นจำนวนกว่า 100,000 ทุน
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสร้างคนให้เติบโตเป็นทั้งคนเก่งและดี มีน้ำใจ แต่ปัจจุบันพบว่า ยังมีผู้ว่างงานจำนวนมากเพราะทักษะไม่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด
จึงเกิดเป็นแนวคิด Learn to Earn เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด ด้วยหวังว่าเยาวชนคนรุ่นใหม่ จะปรับตัวทันกับการเปลี่ยนแปลงในโลกปัจจุบัน”
“เรามาถึงจุดที่การศึกษาต้องปรับตัว ร่วมพลังกันทุกภาคส่วน เพราะการศึกษาในโลกยุคใหม่ คือการเรียนรู้
ที่ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ใช้งาน ต้องปรับตัวเข้าหากัน ทักษะความรู้สำคัญไม่แพ้ทักษะชีวิต ในนามของมูลนิธิเอสซีจี
ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่จะร่วมกันผลักดันแนวคิด Learn to Earn ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมขยายไปใน วงกว้าง เพราะจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาน้อยลง เมื่อมีอาชีพ มีรายได้ คนในสังคมก็จะพึ่งพาตัวเองได้ และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน”
ที่ผู้เรียน ผู้สอน ผู้ใช้งาน ต้องปรับตัวเข้าหากัน ทักษะความรู้สำคัญไม่แพ้ทักษะชีวิต ในนามของมูลนิธิเอสซีจี
ผมขอขอบคุณทุกภาคส่วน ที่จะร่วมกันผลักดันแนวคิด Learn to Earn ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมขยายไปใน วงกว้าง เพราะจะทำให้ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาน้อยลง เมื่อมีอาชีพ มีรายได้ คนในสังคมก็จะพึ่งพาตัวเองได้ และอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน”
ภายในงาน ยังมีการจัดเสวนาหัวข้อ “เรียนรู้ เพื่ออยู่รอด” ผนึกกำลังชาติ เพื่ออนาคตไทย
โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ชื่อว่าเป็น Key Drivers คนสำคัญของประเทศไทย
โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ และได้ชื่อว่าเป็น Key Drivers คนสำคัญของประเทศไทย
ที่จะมาร่วมผลักดันแนวคิดนี้ให้กลายเป็น National Agenda ได้แก่
-ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
-ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
-ศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร นายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
-ดร.ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.)
-ดร.พิเชฐ โพธิ์ภักดี รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย