Nestle เห็นโอกาสอะไร ถึงลงทุน 4,500 ล้านบาท ขยาย 3 โรงงานในไทย

ในช่วงที่เกิดวิกฤติโควิด 19 อาจดูเหมือนเป็นวิกฤติ แต่ก็ทำให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ตามมา หรือที่เราเรียกกันว่ายุค “New Normal”

โควิด 19 ทำให้เกิดพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนไป เกิดเป็นความต้องการรูปแบบใหม่ๆ รวมถึงตลาดใหม่

ซึ่ง Nestle ได้มองเห็นโอกาสมากมายที่เกิดขึ้นในตลาดประเทศไทย อ้างอิงจากผลการสำรวจ
ของ Nestle ที่พบว่า ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ 5 ด้าน ดังนี้

1) ผู้บริโภคมีแนวโน้มเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น รวมถึงมองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย
2) ผู้บริโภคจะให้รางวัลตัวเอง ด้วยการมองหาของกินเล่น เพื่อเติมเต็มความสุขระหว่างวัน
3) ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของสินค้ามากขึ้น
4) ผู้บริโภคให้ความสำคัญแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
5) ผู้บริโภคมีพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการออกไปข้างนอก ทำให้ช่องทางอีคอมเมิร์ซ และบริการฟู้ด ดิลิเวอรี มีการเติบโตสูง

Nestle ได้นำอินไซต์เหล่านี้เป็นข้อมูลวางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ เริ่มด้วยการลงทุน 4,500 ล้านบาท
ขยายขีดความสามรถการผลิตใน 3 โรงงานหลัก ได้แก่ โรงงานอมตะ, โรงงานบางชัน และโรงงานยูเอชที
นวนคร7 เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดอาหารสัตว์เลี้ยง, ไอศกรีม และเครื่องดื่มยูเอชที

โดยแต่ละโรงงานจะทำหน้าที่แตกต่างกัน คือ

-สร้างโรงงานอมตะแห่งใหม่ เพื่อเสริมพอร์ตอาหารสัตว์เลี้ยง

ปัจจุบันมีคนจำนวนมากหันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนคลายเหงา ทำให้ตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ในช่วงโควิด 19 ที่หลายครอบครัวเริ่มลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่กำลังซื้อในตลาดสัตว์เลี้ยงกลับไม่ตก

Nestle จึงใช้งบลงทุน 2,550 ล้านบาท สร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และเสริมพอร์ตโฟลิโอธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของเนสท์เล่ให้แข็งแกร่งขึ้น โดยโรงงานแห่งใหม่ มีกำหนดเริ่มเดินสายการผลิต
ในช่วงกลางปี 2564

-ขยายไลน์การผลิตโรงงานบางชัน นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สู่ตลาดไอศกรีม

แต่เดิมโรงงานบางชัน เป็นโรงงานผลิตไอศกรีมของ Nestle เพื่อตอบเทรนด์ผู้บริโภคชาวไทยในปัจจุบัน
ที่ให้รางวัลกับตัวเอง ด้วยการมองหาของกินเล่น เพื่อช่วยเติมเต็มความสุขระหว่างวัน Nestle จึงจัดสรร
งบประมาณ 440 ล้านบาท เพิ่มไลน์การผลิตของโรงงานบางชัน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

-สร้างโรงงานนวนคร7 โรงงานยูเอชทีแห่งใหม่ ส่งต่อผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพและบรรจุภัณฑ์ที่ดีต่อโลก

โรงงานยูเอชที นวนคร7 เป็นโรงงานผลิตเครื่องดื่มยูเอชที ได้แก่ ไมโล และ นมตราหมี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุรกิจหลักที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากผลวิจัยของ Nielsen ที่พบว่า เครื่องดื่มนมวัวยูเอชทีและเครื่องดื่มช็อกโกแลตมอลต์ยูเอชที จะมีการเติบโตถึง 3% ใน 3 ปีข้างหน้า

Nestle จึงเดินหน้าสร้างโรงงานยูเอชทีแห่งใหม่ ด้วยงบประมาณ 1,530 ล้านบาท และเริ่มการผลิต
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

พร้อมชูเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสายรักษ์โลก ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับ
สิ่งแวดล้อม อย่าง ไมโล ยูเอชที หลอดกระดาษแบบงอได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการนำหลอดกระดาษ
มาใช้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ยูเอชทีของไทย
และตั้งเป้าลดการใช้หลอดพลาสติกได้มากกว่า 500 ล้านหลอดในปี 2564

ที่สำคัญคือ Nestle ได้วางแผนเข้ามาลงเล่นในตลาดอีคอมเมิร์ซ ตั้งแต่ปี 2561
นับตั้งแต่นั้นมา Nestle ได้มีการลงทุนทั้งด้านระบบ และบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันมีทีมงานเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่า และในปีนี้ได้จัดงบลงทุนในธุรกิจอีบิสซิเนสอีก 50 ล้านบาท