PwC เผย 5 เสาหลักสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของเอเชียแปซิฟิก

PwC เผย 5 เสาหลักสำคัญ ที่ช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ของเอเชียแปซิฟิก

28 พ.ย. 2020
PwC เผยรายงานล่าสุด Asia Pacific's Time ชี้เอเชียแปซิฟิกต้องยึด 5 เสาหลักในการแก้ปัญหาความท้าทายที่คุกคามการเติบโตของภูมิภาค
รวมทั้งเรียกร้องให้ภาครัฐ, ภาคธุรกิจ และภาคสังคมร่วมกันปฏิบัติตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทุกประเทศในภูมิภาค จะสามารถมีอนาคตที่มีความก้าวหน้าและยั่งยืนร่วมกัน
"ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ไม่สามารถอาศัยการเติบโตแบบอยู่เฉยๆ ด้วยความหวังที่ว่าการเติบโตทางด้านปัจจัยพื้นฐาน เช่น การขยายตัวของความเป็นเมือง, กำลังคน, กระแสการค้า
และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นจะยังคงดึงดูดการลงทุนในระดับที่เพียงพอในภาวะที่ท้าทายอย่างในเวลานี้ได้อีกต่อไป
ในทางตรงกันข้าม ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต้องรู้จักที่จะพึ่งพาตัวเองให้มากขึ้น
และต้องเสริมวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ของการลงทุนทั่วโลกที่มีเอเชียแปซิฟิกเป็นศูนย์กลางให้มากขึ้น"
นาย เรย์มันด์ ชาว ประธาน PwC ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าว
“หลักการเติบโตแบบใหม่ที่ว่านี้ต้องอาศัยความยืดหยุ่น การเป็นพันธมิตรและการเป็นเจ้าของร่วมกัน ความโปร่งใส และการมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ร่วมกันเป็นกุญแจสำคัญ"
รายงานได้ระบุถึง 5 เสาหลักสำคัญที่มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งทั้งผู้นำ ผู้บริหาร และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอื่นๆ ทุกภาคส่วนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต้องนำไปปฏิบัติเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น
เสาหลักที่ 1 - ก้าวไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล :
ธุรกิจต้องตระหนักถึงการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่ดิจิทัลและต้องจำลำดับความสำคัญของการประยุกต์ใช้โซลูชันเทคโนโลยีที่เหมาะสมทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของตน
อย่างไรก็ตาม บริษัทต่างๆ จะต้องมีมาตรการป้องกันความเสี่ยงและมีความสามารถในการรับมือกับภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ด้วย โดยในส่วนของภาครัฐ ต้องออกกฎระเบียบข้อบังคับที่รัดกุมและมีการร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและเอกชนในการต่อต้านอาชญากรรมทางไซเบอร์
เสาหลักที่ 2 - กระตุ้นการเติบโตขององค์กรในระดับภูมิภาค :
องค์กรต่างๆ ควรพิจารณาการใช้กลยุทธ์ระดับภูมิภาคที่ขับเคลื่อนด้วยขีดความสามารถโดยพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐาน 3 ด้าน ประกอบด้วย ประสิทธิภาพการดำเนินงาน, สินค้าและนวัตกรรมด้านกระบวนการ และความเป็นเลิศในการออกสู่ตลาด
ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้ดิจิทัลและการขยายการลงทุนไปสู่ภูมิภาคในภาคบริการ
เสาหลักที่ 3 - ปรับสมดุลห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมการใช้นวัตกรรม :
บริษัทต่างๆ ควรใช้โอกาสที่มีในการพิจารณาปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของตนและขยายไปสู่การใช้เครือข่ายในระดับภูมิภาคที่มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น
ห่วงโซ่อุปทานในระดับภูมิภาคที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีเหล่านี้ จะช่วยให้องค์กรสามารถบริหารการจัดซื้อจัดจ้าง, การผลิต และเครือข่ายการจัดจำหน่ายของตนได้ดีขึ้น
และยังช่วยทำให้เกิดความโปร่งใสและสร้างความยืดหยุ่นให้มีมากขึ้น
เสาหลักที่ 4 - ขยายกำลังแรงงานที่มีความพร้อมสำหรับอนาคต :
โปรแกรมการยกระดับทักษะที่ตรงกับความต้องการเฉพาะขององค์กรและพนักงาน จะช่วยปรับปรุงความสามารถของแรงงานเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จทางเศรษฐกิจได้
ในขณะที่การเป็นพันธมิตรกันระหว่างรัฐบาลและภาคอุตสาหกรรมจะยิ่งช่วยให้การยกระดับทักษะของบุคลากรมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลควรเป็นผู้นำในการจัดให้ระบบการศึกษาเป็นภารกิจสำคัญสำหรับการเติบโตในอนาคตของประเทศ รวมทั้งมีการสื่อสารที่ชัดเจนถึงบทบาทและหน้าที่สำหรับธุรกิจและสังคมด้วย
เสาหลักที่ 5 - สร้างความยั่งยืนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพื่ออนาคตของการลดคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ :
เอเชียแปซิฟิกต้องสวมบทบาทการเป็นผู้นำในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนกว่า โดยภูมิภาคควรสร้างให้เกิดระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนที่จะช่วยให้โลกเดินหน้าไปสู่การปล่อยแก๊สเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ผ่านการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสนับสนุนการร่วมมือกันระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น หน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม และสังคม
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.