Bridgestone ปรับตัวอย่างไร ในวันที่คนทั้งโลก ต้องการยางรถยนต์น้อยลง

Bridgestone ปรับตัวอย่างไร ในวันที่คนทั้งโลก ต้องการยางรถยนต์น้อยลง

18 มี.ค. 2021
รู้หรือไม่ว่า ยางรถยนต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในประเทศไทย ก็คือ Bridgestone ที่มีส่วนแบ่งการตลาด 38.2%
แต่ถึงจะเป็นผู้นำตลาด ก็ไม่ได้หมายความว่าวิกฤติโควิด 19 ที่ผ่านมา จะละเว้นแต่อย่างใด
เพราะไม่ว่าจะเป็นเจ้าตลาด ครองส่วนแบ่งการตลาดมากแค่ไหน จะเป็นแบรนด์เล็กหรือแบรนด์ใหญ่ ทุกคนก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันแทบทั้งสิ้น
ซึ่งผลกระทบในอุตสาหกรรมยางรถยนต์ ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ เลย
เนื่องจากเกิดการปิดประเทศ ทำให้ราคายางพารามีความผันผวน ตามความต้องการของตลาดโลก
และศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินว่า สถานการณ์โควิด 19 ที่เกิดขึ้นในปี 2563 เป็นปัจจัยระยะสั้นที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างราคายางพาราในระยะยาว ถึงแม้ไทยจะเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราอันดับหนึ่งของโลกก็ตาม โดยคิดเป็นสัดส่วน 80% หรือมูลค่า 190,800 ล้านบาท
โดยสาเหตุที่สถานการณ์โควิด 19 ส่งผลต่อโครงสร้างราคายางพาราในระยะยาว ก็เพราะว่ายางพาราเป็นสินค้าที่ถูกกำหนดราคา จากความต้องการในตลาดโลก
รวมถึงลักษณะสินค้าของยางพาราเป็นการแปรรูปอย่างง่าย และสินค้ามีความแตกต่างกันน้อย ทำให้อุตสาหกรรมยางพาราของไทยเผชิญการแข่งขันสูงมาก เช่น ประเทศโดนีเซีย ที่ส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากไทย ก็จะเป็นคู่แข่งหลัก
อีกทั้งการปิดประเทศและการล็อกดาวน์ ยิ่งทำให้ภาพรวมความต้องการของยางรถยนต์ลดน้อยลง อันเกิดจากคนทำงานที่บ้านมากขึ้น นักท่องเที่ยวน้อยลง ทำให้รถทัวร์ยกเลิกการวิ่ง รวมถึงโลจิสติกส์ที่พยายามลดต้นทุน จึงลดปริมาณรถขนส่งลงด้วยเช่นกัน
จากผลกระทบที่เกิดขึ้นมากมาย แล้ว Bridgestone ปรับตัวอย่างไร ?
สิ่งแรกที่ Bridgestone ทำคือ การเปลี่ยนแผนแม่บท จาก Bridgestone 2.0 เป็น Bridgestone 3.0
ซึ่งแผนแม่บทนี้หมายถึง แผนดำเนินธุรกิจในภาพใหญ่ที่บริษัทแม่กำหนดขึ้น เพื่อเป็นแนวทางให้บริษัทในเครือทั่วโลก เดินไปถึงเป้าหมายด้วยทิศทางเดียวกัน
จากเดิมที่แผน Bridgestone 2.0 เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2531 หลังจากควบรวมกิจการกับ บริษัท ไฟร์สโตน ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ และเข้าซื้อ Bandag ผู้มีนวัตกรรมบริการยางหล่อดอกและการบำรุงรักษารูปแบบใหม่ ในปี พ.ศ. 2550
และตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 ได้ปฏิรูปนำเทคโนโลยีด้านดิจิทัลมาใช้ในการบริหารงาน โดยล่าสุดในปี พ.ศ. 2562 Web fleet Solutions ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Bridgestone Global Group อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าในช่วง 30 กว่าปีที่ผ่าน Bridgestone ให้ความสำคัญกับนวัตกรรมเป็นหลัก และพยายามที่จะเดินนำหน้าคนอื่นหนึ่งก้าวเสมอ
ที่น่าสนใจคือในยุคนั้น เทคโนโลยียังไม่เป็นที่แพร่หลายเท่าไรนัก แต่บริษัทกลับมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยี เข้ามาปรับใช้และวางโครงสร้างตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อปลูกฝังให้องค์กร เป็นบริษัทยางรถยนต์ที่ยอดเยี่ยมในนวัตกรรมและเทคโนโลยี
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงแต่ยังคงไม่เปลี่ยนไป คือแผน Bridgestone 3.0 ในปี พ.ศ. 2563 ที่ทิศทางการดำเนินธุรกิจยังคงโฟกัสกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีอยู่ แต่เน้นหนักมากขึ้นในการต่อยอดเทคโนโลยี สู่การส่งมอบโซลูชันแบบครบวงจรให้กับลูกค้าทุกกลุ่มของบริษัท
โดยใช้ประโยชน์จากโซลูชันสำหรับการเดินทาง ที่ได้มาตรฐานระดับโลกอย่างแพลตฟอร์มด้านการดำเนินธุรกิจ “Bridgestone T & DPaaS” เอกสิทธิ์เฉพาะของ Bridgestone
ดังนั้น ในปี 2564 นี้ Bridgestone จึงได้นำเสนอโซลูชันที่ครอบคลุมลูกค้า 2 กลุ่ม ได้แก่
1) กลุ่มยางรถยนต์นั่งและรถบรรทุกขนาดเล็ก (Passenger Tire)
- B-iTech โซลูชันอุปกรณ์วัดแรงดันลมยางอัตโนมัติ (TPMS) เชื่อมต่อสัญญาณผ่านระบบบลูทูธเข้ากับแอปพลิเคชัน แบะ B-iTech ยังสามารถตรวจสอบแรงดันลมยางที่เหมาะสมได้ตลอดเวลาแบบเรียลไทม์
- B-24hrs โซลูชันให้ลูกค้าในการติดต่อผ่าน Bridgestone Contact Center ได้ตลอด 24 ชั่วโมง 365 วันต่อปี ไม่ว่าจะเป็นการให้คำปรึกษาและบริการตอบคำถามข้อมูลเรื่องทั่วไป สินค้าและบริการ ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับรถยนต์ในกรณีรถเสีย หรือต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน โดยจะมีช่างเทคนิคผู้เชี่ยวชาญตอบคำถามให้ตลอด 24 ชั่วโมง
- B-Care โซลูชันปกป้องยางในกรณีที่ยางเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุ บาดบวมแตกตำ จากการใช้งานทุกกรณีที่ไม่สามารถซ่อมแซมได้ (ภายใต้เงื่อนไขที่บริษัทฯ กำหนด) โดยพร้อมรับประกันเปลี่ยนยางเส้นใหม่ยกชุดถึง 4 เส้นให้ทันที
2) กลุ่มยางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ (Commercial Tire)
นำเสนอผลิตภัณฑ์ “ยาง Bridgestone Ecopia” ที่ช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 6% พร้อมยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น และ “ยางหล่อดอก” ที่เป็นนำโครงยางเก่าไปหล่อดอกใหม่ด้วยมาตรฐานและการรับประกันจาก Bridgestone เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ ช่วยให้ประหยัดต้นทุนและยังช่วยสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ก็ยังมีโซลูชัน สำหรับกลุ่มยางรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ด้วยเช่นกัน ได้แก่
- B-Track
โซลูชันในการดูแลรักษายางให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ด้วยโปรแกรมตรวจเช็คความลึกของร่องดอกยางและความดันลมยาง
เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตรวจวัดผ่านระบบบลูทูธที่พัฒนาขึ้นโดยคนไทยเพื่อลูกค้าในประเทศไทย พร้อมเก็บข้อมูลเพื่อวิเคราะห์การใช้งานของยาง ช่วยวางแผนในการเปลี่ยนยางในเวลาที่เหมาะสม เสริมทัพด้วย
- B-24hrs
โซลูชันเพื่อเสริมความแกร่งให้ธุรกิจของผู้ประกอบการเดินต่อไปได้โดยไม่สะดุด ด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ลูกค้าเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับยาง โดยผู้ประกอบการจะได้รับยางและบริการในราคาเดียวกัน ณ ศูนย์บริการของ Bridgestone ทั่วประเทศ
- B-Finance
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับบริษัทการเงินชั้นนำ ปล่อยสินเชื่อระยะสั้นและระยะยาวให้กับผู้ประกอบการเพื่อตอบโจทย์ให้ผู้ประกอบสามารถใช้บริการกับ Bridgestone ได้อย่างสบายใจ ไร้กังวลสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการยางที่มีคุณภาพและปลอดภัย แต่มีปัญหาเรื่องเงินสดหมุนเวียน
นอกจากนั้น Bridgestone ได้เปลี่ยนแท็กไลน์ใหม่เป็น “Solutions for your journey” ในรอบ 10 ปี เพื่อเน้นย้ำว่า ทิศทางต่อจากนี้ Bridgestone จะมอบโซลูชันใหม่ ๆ ให้กับลูกค้าทุกกลุ่มอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับนวัตกรรมของผลิตภัณฑ์เช่นเดิม
จากแบรนด์ยางรถยนต์เบอร์หนึ่งของโลก สู่ยางรถยนต์ยอดนิยมที่สุดในไทย ทั้งหมดทั้งมวลไม่ได้เกิดจากการมีผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นแค่ในด้านนวัตกรรมเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องมีนวัตกรรมในด้านการบริการด้วยเช่นกัน
เพราะ Bridgestone เชื่อว่าการส่งมอบคุณค่า ในแง่ของผลิตภัณฑ์ที่ดีเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะเมื่อสินค้าเมื่อถึงมือลูกค้า ทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง แต่การบริการหรือโซลูชัน จะทำให้ลูกค้ารักเราอย่างยาวนาน..
อ้างอิง:
-https://www.ryt9.com/s/iq03/3121000
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.