ถอดแนวคิด การสร้างแบรนด์ Aēsop ผ่านมุมมองของผู้ชายที่ชื่อ “เดนนิส พาฟิติส”

ถอดแนวคิด การสร้างแบรนด์ Aēsop ผ่านมุมมองของผู้ชายที่ชื่อ “เดนนิส พาฟิติส”

6 พ.ค. 2021
ใครที่เป็นสาวกของแบรนด์ Aēsop จะรู้ดีว่าเอกลักษณ์ของแบรนด์คือ “ความเรียบง่าย” ที่แฝงไปด้วยความหมายและรายละเอียดต่าง ๆ ที่ซ่อนอยู่
โดยสังเกตได้จากขวดบรรจุภัณฑ์สีชาที่เหมือนกับขวดยาวิทยาศาสตร์
จุดประสงค์เพื่อช่วยในการกันแสง UV และกักเก็บคุณค่าของวิตามินต่าง ๆ ของผลิตภัณฑ์เอาไว้อย่างดี
ฉลากบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เพียงสีดำและสีครีม รวมถึงรายละเอียดบนผลิตภัณฑ์ที่ใช้เฉพาะฟอนต์ Helvetica และ Optima Medium
ที่สำคัญคือการตกแต่งร้านในแต่ละสาขา จะต้องมีอ่างล้างมือตั้งไว้อยู่ใจกลางของร้านเสมอ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์จริงในการใช้ผลิตภัณฑ์
รวมถึงการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ ผ่านการอธิบายและการสาธิตจากพนักงานภายในร้าน ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดีนั่นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นจุดเด่นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีแนวคิดการสร้างแบรนด์ที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่ทำให้แบรนด์ Aēsop กลายเป็นแบรนด์สกินแคร์ ที่คนทั่วโลกให้การยอมรับจนถึงทุกวันนี้
ย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของแบรนด์ Aēsop
แบรนด์ Aēsop หรือที่อ่านว่า เอสอป เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1987 ด้วยแนวคิดของผู้ชายชาวกรีกที่ชื่อว่า “เดนนิส พาฟิติส” โดยเขาได้ย้ายเข้ามาอยู่ประเทศออสเตรเลีย และด้วยความหลงใหลในผลิตภัณฑ์บำรุงผมนี้เอง ทำให้เขาเริ่มเปิดร้านซาลอนของตัวเอง ณ เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
หลังจากนั้นไม่นาน คุณเดนนิสได้คิดค้นสูตรแชมพูของตัวเองไว้ใช้กับลูกค้าที่ร้าน ผลปรากฏว่าลูกค้าชื่นชอบและติดใจ จึงได้ทำขายอย่างจริงจังและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในเวลาต่อมา
โดยคุณเดนนิส ได้ใช้พื้นที่เล็ก ๆ หลังร้าน เป็นเหมือนห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์ ที่ใช้คิดค้นสูตรของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ โดยเป็นการผสมผสานระหว่างส่วนผสมจากธรรมชาติ และการสังเคราะห์ส่วนผสมจากห้องแล็บ เพื่อประสิทธิภาพที่สูงที่สุด
และเนื่องจากลักษณะนิสัยของคุณเดนนิส เป็นคนหลงรักในศิลปะและปรัชญา รวมถึงเป็นคนละเอียด พิถีพิถัน แต่ก็ชื่นชอบความเรียบง่าย ทั้งหมดนี้จึงถูกหล่อหลอมออกมาเป็นปรัชญาของแบรนด์ ที่ต้องการทำสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน
ดังนั้นผลิตภัณฑ์ทุกตัวที่ผลิตออกมาจึงมีความโดดเด่น มีเอกลักษณ์และสอดคล้องกัน นับตั้งแต่วันแรกที่แบรนด์ Aēsop ถือกำเนิดขึ้น
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนอาจอยากรู้แล้วว่า กลยุทธ์หรือแนวคิดการสร้างแบรนด์ของชายคนนี้ ในการทำให้แบรนด์ Aēsop แตกต่างจากสกินแคร์ตามเคาน์เตอร์แบรนด์ และเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก คืออะไร ?
1) แนวคิดของผู้บริหารที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น
สุภาษิตที่ว่า “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น” สามารถเปรียบเทียบได้กับแบรนด์และลักษณะนิสัยของเจ้าของแบรนด์ ซึ่งคุณเดนนิส เป็นคนหลงรักศิลปะ ปรัชญา และเป็นคนละเอียดอ่อน
ดังนั้นวิธีคิดที่ถ่ายทอดออกมาผ่านแบรนด์ ผลิตภัณฑ์ แพ็กเกจจิง ตัวอักษร การตกแต่งร้าน หรือการบริการ จึงมีความลึกซึ้งแฝงอยู่ในทุก ๆ สิ่งที่เขาทำ
และแนวคิดของผู้บริหารที่ชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้น ยิ่งส่งผลดีกับแบรนด์ในระยะยาว โดยผลผลิตที่เขาหว่านไว้ บวกกับการถ่ายทอดความเป็นตัวตนของเขาผ่านแบรนด์อย่างสม่ำเสมอ ทำให้บุคลิกของแบรนด์ Aēsop มีความชัดเจนตลอด 34 ปีที่ผ่านมา หรือเรียกง่าย ๆ ว่าวันแรกเป็นอย่างไร วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ซึ่งถ้าเปรียบแบรนด์ Aēsop เป็นคนหนึ่งคน ก็คงจะเป็นศิลปินนักคิด ที่มีความสุขุมนุ่มลึกและน่าค้นหานั่นเอง
2) อัตลักษณ์ของแบรนด์ ที่ทำให้เกิดภาพจำ
ไม่ว่าจะเป็นขวดสีชา ฟอนต์ที่เลือกใช้ ส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสมดุลระหว่างธรรมชาติและการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ ทุก ๆ อย่างถูกวางเป็นแม่แบบไว้ตั้งแต่ต้น และถูกนำมาปรับใช้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งต่อให้มีกระแส หรือเทรนด์อะไรใหม่ ๆ เกิดขึ้น แบรนด์ก็ยังคงความเป็นตัวของตัวเองได้ดีเสมอ
ที่น่าสนใจที่สุดเลยคือ การเคารพศิลปะและเรื่องราวของทุกพื้นที่ที่ Aēsop เข้าไปเปิดสาขา
โดยสาขาทั่วโลกของ Aēsop กว่าร้อยสาขา เริ่มต้นมาจากไอเดียง่าย ๆ ว่า เมื่อเปิดสาขาที่ไหนก็ตาม จะเคารพและดึงเอกลักษณ์ของพื้นที่นั้นมาใช้
สิ่งนี้เองทำให้แต่ละชอปของ Aēsop มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร เพราะในแต่ละสาขาจะถูกดีไซน์ โดยดีไซเนอร์ท้องถิ่น ซึ่งจะยังคงเอกลักษณ์การตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างจุดยืนของแบรนด์และพื้นที่นั้น ๆ ทำให้ได้งานดีไซน์ที่เป็นงานคราฟต์กระจายอยู่ในทุก ๆ สาขาทั่วโลก
ซึ่งคุณเดนนิสเป็นผู้บริหารที่ให้ความสำคัญกับการเลือกใช้สถาปนิกและการออกแบบหน้าร้านอย่างมาก โดยจะมีการแบ่งงบประมาณไว้อย่างชัดเจนในส่วนนี้
3) การทำสิ่งที่ไม่เหมือนใคร
ความเชื่อของคุณเดนนิส มองว่าการใช้สกินแคร์ควรใช้เวลาไม่มาก และเรียบง่ายที่สุด นี่จึงเป็นแนวคิดที่ทำให้เกิด “อ่างล้างมือ” ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์
โดยเป็นการทำให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งานผลิตภัณฑ์จริง ๆ ผ่านการสาธิตของพนักงาน ที่ทำไปพร้อม ๆ กัน เมื่อลูกค้าได้ลงมือทำเอง ก็จะเกิดการจดจำและเป็นการสร้างประสบการณ์ร่วมกับแบรนด์ไปในตัว
และด้วยรูปลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ที่สื่อถึงความเป็น Unisex ที่ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง จึงเป็นอีกข้อแตกต่างที่ทำให้ผู้ชายหลายคนหลงรักแบรนด์นี้ และกล้าที่จะเข้าไปซื้อโดยไม่เกิดความเขินอาย
ยิ่งไปกว่านั้น แบรนด์ Aēsop ยังได้มีการจัดทำเพลย์ลิสต์บน Spotify เพื่อไว้ใช้เปิดสร้างบรรยากาศให้กับร้านที่เป็นชอปอีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของแบรนด์ ที่ต้องการสร้างการรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ที่ประกอบไปด้วย รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส นั่นเอง
จะเห็นว่าปัจจัยความสำเร็จของแบรนด์ Aēsop เกิดจากการ “คิดนอกกรอบ” ที่ไม่ใช่แค่การคิด แต่เป็นความกล้าหาญ ที่นำความคิดนั้นออกมาทำให้เกิดขึ้นจริง โดยผู้ชายที่ชื่อว่า “เดนนิส พาฟิติส”
เส้นทางความสำเร็จตลอด 34 ปีที่ผ่านมา Aēsop ได้แตกไลน์ออกเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สกินแคร์ ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก และเครื่องหอม หรือเรียกได้ว่ามีผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมกว่า 80 ชิ้นเลยก็ว่าได้
หากใครต้องการสัมผัสประสบการณ์ของแบรนด์ Aesop สามารถเยี่ยมชมได้ที่สาขาใกล้บ้าน อาทิ Aēsop สยาม พารากอน , Aēsop เซ็นทรัล ลาดพร้าว, Aēsop เอ็มโพเรียม, Aēsop เซ็นทรัล@เซ็นทรัลเวิลด์, Aēsop เซ็นทรัล ชิดลม และ Aēsop เซ็นทรัล บางนา หรือเป็นเจ้าของผลงานการสร้างสรรค์ของแบรนด์ ได้ที่ https://www.central.co.th/th/aesop
ปิดท้ายด้วยสินค้าเด่น ๆ เป็นผลงานการสร้างสรรค์ ของแบรนด์ Aēsop ที่แม้แต่บุคคลในแวดวงศิลปะ นักออกแบบ และสถาปนิกที่มีชื่อเสียงระดับโลก ก็เลือกใช้ ยกตัวอย่างเช่น เซรั่ม Aēsop Parsley Seed Anti-Oxidant Serum, เจลล้างมือ Aēsop Resurrection Aromatique Hand Wash และผลิตภัณฑ์บำรุงมือ Aēsop Resurrection Aromatique Hand Balm
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.