Bata แบรนด์รองเท้าพันล้านบาท กำลังเจอความท้าทาย

Bata แบรนด์รองเท้าพันล้านบาท กำลังเจอความท้าทาย

17 พ.ค. 2021
หนึ่งในสินค้าขายดีช่วงใกล้เปิดเทอม คือ รองเท้านักเรียน
และแน่นอนว่า นึกถึงรองเท้านักเรียน หลายคนก็อดนึกถึง บาจา หรือ Bata ​ไม่ได้
เพราะอยู่คู่คนไทยมานาน จนหลายคนติดภาพว่าเป็นแบรนด์รองเท้านักเรียน ที่เป็นแบรนด์ของคนไทย
ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ใช่

แท้จริงแล้ว ถิ่นกำเนิดของ Bata อยู่ที่เชโกสโลวาเกีย หรือสาธารณรัฐเช็กในปัจจุบัน
ก่อตั้งโดยคุณโทมัส บาจา (Tomáš Baťa)
ด้วยความที่เติบโตมาในครอบครัวช่างทำรองเท้า
ทำให้เขาและพี่น้อง ตัดสินใจก่อตั้งโรงงานผลิตรองเท้าชื่อ T. & A. Baťa Shoe Company ขึ้นในปี พ.ศ. 2437
แต่หลังจากเริ่มกิจการได้เพียง 1 ปี ก็ประสบปัญหาทางการเงิน
คุณโทมัสเลยตัดสินใจ เปลี่ยนวัสดุที่ใช้ทำรองเท้า จากหนังมาเป็นวัสดุผ้าใบแทน
ปรากฏว่า วิธีนี้นอกจากจะช่วยลดต้นทุน ยังทำให้สินค้าได้รับความนิยมอย่างสูง
พอธุรกิจยิ่งเติบโต คุณโทมัสจึงเริ่มมองหาวิธีการผลิตใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
หนึ่งในนั้นคือ การนำระบบสายพานการผลิตที่ทันสมัย เข้ามาใช้
ทำให้ Bata สามารถผลิตสินค้าเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัว จนสามารถขยายธุรกิจไปหลายประเทศ
ทั้งในยุโรป แอฟริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา และเอเชีย
สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการจะ “ผลิตรองเท้าให้คนทั้งโลกได้สวมใส่” (To put shoes on the feet of the world)
แล้ว Bata เข้ามาตีตลาดในประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อไร ?
คำตอบคือ เมื่อปี พ.ศ. 2472 หรือ 92 ปีที่แล้ว
โดยตีตลาดในชื่อแบรนด์ Bata หรือ บาจา ซึ่งอาจจะขัดใจคนไทยในยุคแรก ๆ ที่ออกเสียงเป็น “บาทา”
เพราะอ่านตามชื่อแบรนด์ที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษ
แต่จริง ๆ แล้ว Bata มาจากภาษาเช็ก ซึ่งเป็นนามสกุลของผู้ก่อตั้ง
สาขาแรกของ Bata อยู่ที่ถนนเจริญกรุง เริ่มต้นจากการผลิตรองเท้านักเรียน ด้วยพนักงานเพียง 15 คน
ก่อนจะค่อย ๆ ขยายธุรกิจ จนปัจจุบันมีโรงงานอยู่ที่ลาดกระบัง
สินค้าที่ทำให้คนไทยรู้จักแบรนด์นี้เป็นอย่างดี คือ รองเท้านักเรียน
ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า จะมีไฮซีซัน หรือ ช่วงขายดี
คือ ก่อนเปิดเทอมใหญ่เท่านั้น
แน่นอนว่า ไม่เพียงพอที่จะทำให้แบรนด์ยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง
ที่ผ่านมา เราจึงได้เห็นความพยายามของ Bata ในการสลัดภาพจากแบรนด์รองเท้านักเรียน สู่แบรนด์รองเท้าที่สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน ที่สำคัญไม่ใช่แค่วัยเรียน แต่วัยไหนก็ใส่ได้
เพราะจริง ๆ แล้ว Bata ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อาทิ รองเท้าแฟชั่นของผู้หญิง, รองเท้าทำงานของผู้ชาย, รองเท้าออกกำลังกาย, รองเท้าสำหรับเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย
รวมไปถึงสินค้าอย่างกระเป๋าหนัง, กระเป๋าแฟชั่น
แต่ถึงอย่างนั้น
ถ้าไปถามคนส่วนใหญ่ ว่านึกถึง Bata แล้วคิดถึงอะไร
ก็ยังหนีไม่พ้นรองเท้านักเรียน
ด้วยแบรนดิงที่แข็งแกร่งของ Bata ในตลาดรองเท้านักเรียน
ซึ่งดูเหมือนเป็นแต้มต่อที่สำคัญ เพราะเป็นที่รู้จักของผู้คน
แต่บางครั้งจุดแข็งของแบรนด์เอง ก็อาจกลายเป็นกำแพงขนาดใหญ่ ที่เป็นอุปสรรค​ของแบรนด์แทน
ดังนั้น โจทย์ใหญ่ของ Bata ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
จึงหนีไม่พ้น การทำทุกวิถีทาง เพื่อเปลี่ยนภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยยังคงรักษาเสน่ห์ของความเป็นแบรนด์เก๋า แต่ก็ยังก้าวทันยุค ใส่แล้วไม่เชย
ด้วยการรุกทำตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์, ปรับโฉมหน้าร้านให้ดูทันสมัย น่าเข้า, มีช่องทางออนไลน์ให้ลูกค้า เข้ามาเลือกช็อปปิงได้แบบเพลิน ๆ
และที่สำคัญคือ พยายามพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง
ด้วยการสรรหานวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามา เพื่อเพิ่มฟังก์ชันให้รองเท้าน่าใส่​ โดยไม่ลืมใส่ใจเรื่องดีไซน์ ให้รองเท้าดูมีความเป็นแฟชั่นทันสมัย
แล้วความพยายามของ Bata สัมฤทธิผลแค่ไหน เราลองไปดูผลประกอบการของบริษัท
บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด
ปี 2560 มีรายได้ 2,444 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 2,370 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 2,173 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้ 1,350 ล้านบาท
จะเห็นว่า Bata สามารถสร้างยอดขายได้หลักพันล้านบาทก็จริง
แต่ยอดขายในปี พ.ศ. 2560-2562 ยังไม่เติบโต และมีแนวโน้มหดตัวลง
ส่วนในปี พ.ศ. 2563 จะเห็นว่ารายได้ลดลงกว่า 38%
ซึ่งเป็นไปได้ว่า บริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากสถานการณ์โควิด 19
ที่สาขาต้องปิดให้บริการในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ ผู้คนออกจากบ้านน้อยลง
ทำให้กระทบกับยอดขาย เพราะถึงจะขายออนไลน์ได้ แต่รองเท้าก็เป็นหนึ่งในสินค้า ที่หลายคนยังอยากทดลองใส่ก่อนซื้อ

อีกเหตุผลสำคัญ อย่าลืมว่า รองเท้าเป็นหนึ่งในสินค้า ที่ต่อให้จ่ายในราคาเท่าไรก็ตาม
ลองถ้าได้ใช้ วันหนึ่งก็ต้องเก่าหรือชำรุด และสักวันก็ถึงเวลาต้องเปลี่ยน
แต่ใครจะไปคิดว่า วันหนึ่งโลกเราจะเกิดเหตุการณ์ ที่ทำให้ทุกคนต้องหยุดเคลื่อนไหว
หันมาใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้น
และนั่นก็หมายความว่า โอกาสที่เราจะได้หยิบรองเท้ามาใส่ ก็น้อยลงตามไปด้วย..
อย่างไรก็ตาม แม้ดีมานด์ที่ลดลงจากช่วงโควิด 19 สุดท้ายก็ต้องกลับมา
คำถาม​คือ ในวันที่ดีมานด์กลับมา แบรนด์ไหนจะเป็นผู้ที่สามารถช่วงชิงเงินจากกระเป๋าลูกค้ามาได้
เพราะอย่าลืมว่า เมื่อ Bata เลือกจะรุกตลาดรองเท้าสำหรับใส่ได้ทุกวัน
สมรภูมินี้ก็ไม่ต่างจากน่านน้ำสีเลือด ที่มีคู่แข่งมากมาย ทั้งแบรนด์รุ่นเก๋า และรุ่นใหม่
ซึ่งพร้อมงัดทุกกลยุทธ์ และนวัตกรรมรองเท้า ออกมาโชว์ลูกค้า เพื่อชิงความเป็นหนึ่ง
ดังนั้น หาก Bata ต้องการอยู่รอด หรือชนะในสนามนี้
ก็ต้องสร้างและเพิ่มจุดเด่น ที่สำคัญ ๆ ของแบรนด์ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง
เช่น คุณภาพและดีไซน์ของรองเท้า
เพื่อทำให้ เวลาลูกค้า คิดจะซื้อรองเท้าสักคู่
ต้องคิดถึงชื่อ Bata เป็นแบรนด์แรก ๆ
อ้างอิง:
-https://en.wikipedia.org/wiki/Bata_(company)
-กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดูน้อยลง
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.