ย่างเนย อาณาจักรบุฟเฟต์กระทะร้อน ที่สร้างขึ้นด้วยหนุ่มวัย 23 ปี

หากพูดถึงร้านบุฟเฟต์ที่มีคุณภาพทั้งด้านบริการและวัตถุดิบ คุ้มค่ากับราคา
นักศึกษาและวัยทำงานหลายคน คงต้องนึกถึง “ย่างเนย” อย่างแน่นอน

เพราะจ่ายเพียงแค่ 199 บาท แต่สามารถเลือกรับประทานได้หลากหลาย
ตั้งแต่ หมู, ไก่, วัว ไปจนถึงอาหารทะเลอย่างปลาหมึกและกุ้ง โดยที่คุณภาพไม่ลดลง

รวมถึงบริการที่รวดเร็ว หากต้องการสั่งเนื้อ เติมถ่าน หรือเปลี่ยนกระทะ ก็ทันใจ
สังเกตได้ว่าอาหารและวัตถุดิบมีให้เติมอยู่เสมอ

จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ ที่ปัจจุบันย่างเนยสามารถครองใจลูกค้าและขยายไปถึงกว่า 70 สาขาแล้ว

แต่รู้หรือไม่ว่า ย่างเนย อาณาจักรบุฟเฟต์กระทะร้อน
ก่อตั้งโดยคุณไมค์ ชนะสิทธิ์ แสงรุ่งคงคา ในวัย 23 ปีเท่านั้น

แต่ก่อนที่จะกลายมาเป็นร้านย่างเนย ที่เรารู้จักกันเช่นทุกวันนี้
เดิมทีคุณไมค์และพี่ชายของเขา เคยทำธุรกิจร้านขายแอลกอฮอล์มาก่อน
โดยขายเนื้อย่างควบคู่ด้วย

อย่างไรก็ตาม ต่อมาธุรกิจกลับไม่ประสบความสำเร็จ
ทำให้ทั้งคู่เริ่มตัดสินใจเลือกเส้นทางที่ลำบากใจที่สุดคือ “การเซ้งร้าน”

แต่ช่วงจังหวะเวลานั้นเอง พวกเขาสังเกตว่า ที่ผ่านมาเนื้อย่างนั้นขายดีกว่าเครื่องดื่ม
คุณไมค์เห็นว่าไม่มีอะไรจะเสียแล้ว จึงทำการเปลี่ยนธุรกิจใหม่ เป็นร้านบุฟเฟต์แทน
โดยใช้ชื่อว่า “ย่างเนย” ที่เรารู้จักกันนั่นเอง

แน่นอนว่า ย่างเนยที่เปิดในช่วงแรก ผลตอบรับก็ยังไม่ได้ดีมากนัก
แต่โชคดีที่พื้นที่บริเวณร้านที่เปิดนั้น ไม่ค่อยมีร้านหมูกระทะ

ทำให้หลายคนมักใช้ร้านย่างเนยสำหรับจัดเลี้ยง
ซึ่งการรับจัดเลี้ยง จะได้ลูกค้าที่เยอะ คุณไมค์เลยใช้โอกาสนี้สำหรับถ่ายรูปโปรโมตร้านด้วย

ส่งผลให้วันต่อ ๆ มา มีคนนับร้อยมาต่อแถวที่ร้านย่างเนย เพื่อมาลองรับประทานกัน
และเกิดการบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดร้านก็ไม่สามารถรองรับลูกค้าได้เพียงพออีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าผลตอบรับดีขนาดนี้ คุณไมค์ไม่รอช้า สั่งทำการขยายสาขาเพิ่มอีก 1 สาขา
ตรงประตูเชียงราก 2 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

และขยายสาขาไปสู่ตามพื้นที่แถวมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เรื่อยมา
จนในที่สุดเมื่อเริ่มอยู่ตัวแล้ว เขาก็ได้ตัดสินใจเปิดแฟรนไชส์สำหรับย่างเนยขึ้นมา
โดยสาขาแรกที่เปิดคือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

จากการเปิดแฟรนไชส์นี่เอง ทำให้ย่างเนยเป็นที่รู้จักและเติบโตอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีมากกว่า 70 สาขา

คำถามต่อมา อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ย่างเนยอยู่รอดได้ ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือด
เพราะมีร้านบุฟเฟต์หลายแห่งที่เสนอราคาที่ใกล้เคียงกัน และบางรายทำเป็นรูปแบบย่างเนยด้วย
ซึ่งหากมองในมุมมองลูกค้าแล้วก็พบว่า ไม่แตกต่างกันเลย

คำตอบคือ การบริหารจัดการร้านอาหาร ที่เทียบเท่าร้านอาหารของโรงแรมห้าดาว

แม้ว่าการถ่ายรูปร้านอาหารลงโซเชียล จะเป็นสิ่งที่ทำให้ย่างเนยเริ่มเป็นที่รู้จัก
และการคิดราคาเพียง 199 บาท ไม่จำกัดเวลา และหากรับประทานไม่หมด ก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม จะสามารถดึงดูดให้ผู้คนอยากมาลองกินสักครั้ง

แต่ธุรกิจไม่มีทางอยู่ในระยะยาวได้เลย หากขาดการบริหารจัดการที่ดี

ซึ่งย่างเนยก็ทำเรื่องนี้ได้ดี เพราะคุณไมค์จบการศึกษาด้านสาขาการจัดการโรงแรม และเคยฝึกงานครัวจากโรงแรมระดับหรูอย่าง โรงแรมแชงกรี-ลา กรุงเทพฯ โรงแรมเครือโนโวเทล และโรงแรมเลอ เมอริเดียน

ทำให้เขาเข้าใจในเรื่องอาหาร และการบริหารจัดการต่าง ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาใช้กับธุรกิจของตัวเองได้

เช่น การรักษาอาหารอย่างไรให้สด สะอาด และคุณภาพคงเดิมมากที่สุด, การใช้อุณหภูมิที่เหมาะกับการถนอมอาหาร หรือรู้ว่าต้องใช้อุปกรณ์ใดสำหรับเก็บผักให้สด

การวางโฟลว์ร้านอาหารที่ห้องครัวกับห้องวางอาหารติดกัน และจัดการให้พนักงานดูแลแต่ละงานหรือแต่ละโซนโดยเฉพาะ ทำให้พนักงานสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว

รวมถึงวิธีการบริหารต้นทุนให้ต่ำสุด โดยที่ไม่ลดคุณภาพอาหาร ก็ต้องเลือกซัปพลายเออร์แบบ One Stop Service ที่สามารถทำได้ครบและมีคุณภาพตามต้องการ ถึงจะดีที่สุด ไม่ใช่แค่เลือกซัปพลายเออร์ที่เสนอราคาถูกกว่า แต่ต้องมาเสียค่าใช้จ่ายแฝงที่เกิดขึ้นตามมาภายหลัง

แน่นอนว่า รายละเอียดมากมายขนาดนี้ คงไม่ใช่ทุกคนที่รู้และจำได้
นั่นทำให้คุณไมค์ออกคู่มือสำหรับการบริหารจัดการร้านอาหารขึ้นมา เพื่อมอบให้กับเจ้าของแฟรนไชส์

จึงเป็นที่มาว่า ทำไมร้านย่างเนยแต่ละสาขา ถึงมีมาตรฐานเดียวกัน

ด้วยความใส่ใจในรายละเอียดนี่เอง ที่ทำให้ย่างเนยแตกต่างจากร้านหมูกระทะทั่วไป
และส่งผลให้ย่างเนย สามารถเติบโตจนกลายเป็นหนึ่งในผู้นำด้านบุฟเฟต์กระทะร้อนไปแล้วนั่นเอง..

อ้างอิง:
-https://readthecloud.co/yangnoey/
-https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/866854?fbclid=IwAR2HAeMM_gmwK2sS-9rsoM8Sf-IKKB-7MRO_ZnnSVBjnRX_rZSyeQs48Z-w
-http://www.thaismescenter.com/
-http://www.thaismescenter.com/%E0%