จีน มีผลประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน กับยูเครน แม้จะบอกปัดว่า ไม่ใช่ความผิดรัสเซียที่บุกยูเครน

เมื่อวานนี้ มีเรื่องที่เป็นข่าวใหญ่เกิดขึ้น คือ รัสเซียตัดสินใจบุกยูเครน
โดยเน้นการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด ทั้งจากระเบิด มิสไซล์ หรือแม้แต่การโจมตีทางไซเบอร์ เพื่อให้ยูเครนไม่สามารถสู้ได้

ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้มีประชาชนยูเครนเสียชีวิตแล้วกว่า 137 คน และมีผู้บาดเจ็บ 316 คน ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

แต่กระทรวงต่างประเทศของจีน กลับออกมารายงานว่า
“การเดินกำลังเข้ายูเครนของรัสเซีย ไม่จัดว่าเป็นการบุกรุกอย่างที่สื่อต่างประเทศกล่าวถึง เพราะรัสเซียเป็นประเทศที่มีอิสระ และสามารถตัดสินใจด้วยตนเองตามความต้องการได้”

ทั้งนี้ สำนักข่าว BBC เคยรายงานความสัมพันธ์ระหว่างวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย และสี จิ้นผิง ของจีน
ว่าทั้งสองเปรียบเสมือนเพื่อนสนิท ทำให้ความสัมพันธ์ทั้ง 2 ประเทศ มีความแน่นแฟ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

โดยเมื่อปี 2021 ปูติน ระบุว่า ปริมาณการค้าระหว่างสองชาติ (รัสเซีย-จีน) เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ใน 3 มาอยู่ที่ 1.46 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ ๆ 5 ล้านล้านบาท

แต่รู้หรือไม่ว่า จีน ได้เข้าลงทุนในประเทศยูเครน ที่กำลังตกอยู่ในวิกฤติจากการรุกรานของรัสเซียตอนนี้ด้วยเช่นกัน และนับว่าเป็นคู่ค้าที่สำคัญของยูเครนเสียด้วย

เพราะที่ผ่านมา ประเทศจีนมีความสนใจเชิงกลยุทธ์ในยูเครน
เนื่องจากยูเครนนั้น ตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่ดี มีข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างยูเครนกับสหภาพยุโรป และเป็นแหล่งแร่ ทรัพยากรทางการเกษตรของสหภาพโซเวียตในอดีต

ซึ่งทาง Wang Yi รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เลวร้ายในยูเครน และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมแก้ไขความแตกต่างผ่านการเจรจา
เนื่องจากทางจีนเอง ก็มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับยูเครนค่อนข้างมาก เช่น

-ความสัมพันธ์ด้านการค้า
การค้าระหว่างประเทศจีน และยูเครน เติบโตขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่ที่รัฐของยูเครน มาเยือนจีนในปี 2013 โดย Viktor Yanukovych ประธานาธิบดียูเครนในเวลานั้น

โดยในปี 2019 จีนนับเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของยูเครน
และในปีที่แล้ว มีมูลค่าการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศรวม 18,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 618,000 ล้านบาท

คิดเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นเกือบ 80% จากปี 2013 ตามข้อมูลจาก State Statistics Service of Ukraine

ทั้งนี้ สินค้าที่ยูเครนส่งไปยังจีน ส่วนมากจะเป็นแร่เหล็ก, ข้าวโพด และน้ำมันดอกทานตะวัน อยู่ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์าหรัฐ หรือราว 260,000 ล้านบาท ในปี 2021 ที่ผ่านมา
และยังมีข้าวบาร์เลย์ ที่จีนถือว่าเป็นคู่ค้านำเข้ารายใหญ่ที่สุดอีกด้วย

ในขณะที่สินค้าที่ยูเครนนำเข้ามาจากจีนส่วนใหญ่ จะเป็นเครื่องจักร และสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งมีมูลค่ารวมกันกว่า 10,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 357,000 ล้านบาท

-โครงการ “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” (Belt and Road Initiative) ของจีน ในยูเครน

ซึ่งโครงการนี้ เป็นหนึ่งในยุธศาสตร์เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญของสี จิ้นผิง ที่จะเข้าไปพัฒนาและลงทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศ และองค์การระหว่างประเทศเกือบ 70 แห่ง

และเคียฟ (Kyiv) เมืองหลวงของยูเครนก็ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ตั้งแต่ปี 2017
ต่อมาในปี 2020 ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในข้อตกลงเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ รวมถึงการจัดหาเงินทุนและการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้วย

นอกจากนี้ ประเทศจีนยังมีบริษัทใหญ่ ๆ ที่เข้าไปดำเนินธุรกิจอยู่ในยูเครนด้วย เช่น COFCO บริษัทอาหาร, China Pacific Construction Group ที่ดำเนินการโดยรัฐบาล, China Harbor Engineering
และบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่อย่าง Huawei Technologies

อีกทั้งยังมีการลงทุนโดยตรงจากบริษัทจีนในยูเครนกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 4,900 ล้านบาท เมื่อสิ้นปี 2019 และยังมีการลงทุนเพิ่มในไตรมาสแรกของปี 2020 ด้วย

อ้างอิง:
-https://www.reuters.com/business/autos-transportation/chinas-business-economic-interests-ukraine-2022-02-23/
-https://www.independent.co.uk/news/world/europe/ukraine-news-russia-war-deaths-b2022806.html
-https://www.bbc.com/thai/international-60259653