เยี่ยมชมโรงงานพ่นสีรถยนต์มิตซูบิชิ ที่ใส่ใจตั้งแต่คุณภาพสีจนถึงสิ่งแวดล้อม

เยี่ยมชมโรงงานพ่นสีรถยนต์มิตซูบิชิ ที่ใส่ใจตั้งแต่คุณภาพสีจนถึงสิ่งแวดล้อม

19 เม.ย. 2022
รู้หรือไม่ ศูนย์การผลิตรถยนต์ของบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ที่แหลมฉบัง เป็นศูนย์กลางการผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุด นอกประเทศญี่ปุ่นของกลุ่มมิตซูบิชิ มอเตอร์ส
โดยศูนย์การผลิตแห่งนี้ จะผลิตและจำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นต่าง ๆ เช่น Mitsubishi Outlander PHEV, Mitsubishi Triton, Mitsubishi Pajero Sport, Mitsubishi Attrage และ Mitsubishi Mirage
มีกำลังการผลิตสูงสุดอยู่ที่ 424,000 คันต่อปี ผลิตรถยนต์มิตซูบิชิไปแล้วรวมกว่า 6 ล้านคัน
และจะส่งออกรถยนต์สะสมรวม 5 ล้านคัน ภายในสิ้นปีนี้ เพื่อจำหน่ายไปยัง 120 ประเทศทั่วโลก
ล่าสุดมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้ทุ่มงบลงทุนกว่า 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานพ่นสีแห่งใหม่ ขนาด 4 ชั้น ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 21,000 ตารางเมตร พร้อมอัปเกรดเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการพ่นสี
อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพสีที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า และเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนสมดุล
โรงงานพ่นสีแห่งใหม่นี้ มีกำลังการผลิตสูงสุด 55 งานต่อชั่วโมงต่อปี
ใช้สำหรับการผลิตรถยนต์ 3 รุ่นหลัก ได้แก่ Mitsubishi Triton, Mitsubishi Pajero Sport และ Mitsubishi Outlander PHEV
และในอนาคต โรงงานพ่นสีแห่งนี้ ยังสามารถขยายการผลิต เพื่อรองรับการผลิตรถมิตซูบิชิรุ่นที่มีอยู่ และรุ่นต่อ ๆ ไป
อีกหนึ่งจุดเด่นของโรงงานพ่นสีแห่งนี้ คือ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ซึ่งเป็นหนึ่งในต้นเหตุของภาวะโลกร้อน ลง 40% จากกิจกรรมทางธุรกิจทั้งหมดของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ภายในปี พ.ศ. 2573
อีกทั้งยังช่วยลดมลพิษ, ลดปริมาณของเสียให้น้อยที่สุด และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ผ่านกระบวนการในการพ่นสีต่าง ๆ ได้แก่ ระบบตลับสี (Cartridge Paint System), สีฐานน้ำ (Waterborne Paints) และระบบเทคโนโลยีการบำบัดมลพิษในอากาศ (Regenerative Thermal Oxidation - RTO)
รวมถึงมีโรงงานบำบัดน้ำเสีย ที่มีระบบบำบัดและทำน้ำให้บริสุทธิ์
โดยน้ำเสียจะถูกบำบัดผ่านระบบบำบัดน้ำเสีย Activated Sludge จากนั้นจะส่งน้ำไปทำให้บริสุทธิ์ ผ่านการกรองด้วยระบบ Reverse Osmosis สองขั้น เพื่อกำจัดแร่ธาตุเจือปนในน้ำ ก่อนส่งต่อกลับไปในกระบวนการพ่นสี และปล่อยน้ำเสียที่ไม่ใช้แล้วสู่ภายนอก
ซึ่งระบบบำบัดน้ำเสีย จะช่วยลดปริมาณการปล่อยน้ำเสียได้มากถึง 50% และลดการใช้น้ำดิบในกระบวนการอุตสาหกรรมได้ถึง 50% เช่นกัน
นอกจากนั้น ยังมีการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้าถึง 2 เมกะวัตต์ บนหลังคาโรงงาน ซึ่งช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 1,700 ตันต่อปี
หากรวมกับที่ติดตั้งไปก่อนหน้านี้ ในศูนย์การผลิตรถยนต์ที่แหลมฉบัง จะสามารถลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงปีละ 6,100 ตัน เลยทีเดียว
นอกจากโรงงานพ่นสีแห่งใหม่แล้ว มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าทำตามเป้าหมาย ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในประเทศ
รวมถึงพัฒนาโครงการที่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจด้วยความยั่งยืน ผ่านผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม เช่น Mitsubishi Outlander PHEV
ไปจนถึงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่ศูนย์การผลิต รวมถึงโครงการเพื่อสังคมมากมาย เช่น โครงการ “ปลูกป่า 60 ปี 60 ไร่” และโครงการ “Solar for Lives: พลังงานแสงอาทิตย์เพื่อชีวิตที่ดีกว่า”
ส่วนมุมมองที่มีต่อตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
มร. เออิอิชิ โคอิโตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
ปัจจุบัน ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ยังมีข้อจำกัดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สถานีชาร์จที่ยังไม่ครอบคลุม และข้อจำกัดเรื่องของระยะทางในการวิ่ง
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จึงเริ่มตีตลาดด้วยรถยนต์ไฟฟ้าปลั๊กอินไฮบริด หรือ PHEV ด้วยรถยนต์ Mitsubishi Outlander PHEV
โดยหากมีการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม จะสามารถวิ่งแบบโหมด BEV หรือ รถไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ ได้ประมาณ 50 กิโลเมตร ซึ่งเหมาะกับการขับขี่ในเมือง
แต่ถ้าต้องการวิ่งระยะไกล โดยปราศจากข้อกังวลเรื่องสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ก็สามารถใช้เครื่องยนต์มาช่วย ผ่านระบบไฮบริด (Hybrid) ได้
โดยเรามองว่ารถในลักษณะนี้มีความเหมาะสมกับตลาดเมืองไทยมากที่สุด ณ เวลานี้
และแน่นอนว่า เราเองก็มีความพร้อมที่จะทำการผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบ PHEV, HEV และ BEV ในอนาคตต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เราจึงมีการศึกษาความเป็นไปได้ที่จะขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ด้วยการจับมือกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด และ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR
เพื่อทดลองใช้รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles หรือ BEV) ในการขนส่งไปรษณีย์และพัสดุ ด้วยรถ Mitsubishi Minicab MiEV นั่นเอง
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.