กลุ่มมิตรผล ส่งภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า” ชูแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เชิญชวนทุกคนร่วมกู้โลก ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมมุ่งหน้าสู่ Net Zero ร่วมกัน

กลุ่มมิตรผล ส่งภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า” ชูแนวคิดการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เชิญชวนทุกคนร่วมกู้โลก ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมมุ่งหน้าสู่ Net Zero ร่วมกัน

19 ส.ค. 2022
กลุ่มมิตรผล ผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในภาคเกษตรอุตสาหกรรมของไทย ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนประเทศไทยให้ก้าวสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับเป้าหมายของนานาประเทศจากเวทีการประชุม COP26* ส่งภาพยนตร์โฆษณาใหม่ล่าสุด ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า” ตอกย้ำเป้าหมาย
ในการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2030* และมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี ค.ศ. 2050* ด้วยความเชื่อมั่นว่าทุกผลลัพธ์
แห่งความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของพันธมิตรทุกฝ่าย พร้อมเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ทุกคนในสังคมเห็นประโยชน์ และพลังในตัวเองในการร่วมเป็นส่วนเล็กๆ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นกว่าเดิม
นายบรรเทิง ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า “กลุ่มมิตรผล ดำเนินงานด้วยแนวคิดที่มุ่งมั่นให้คนรอบข้างมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างรู้คุณค่า และไม่สร้างผลกระทบ
ต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนในสังคม ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่อ้อย คู่ค้า ผู้บริโภค ชุมชน หรือภาคอุตสาหกรรมล้วนมีบทบาทสำคัญและเป็นฮีโร่ที่จะสร้างคุณค่าในแบบของตนเอง และเชื่อมั่นในพลังของส่วนรวมที่จะช่วยสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริง แม้ว่าวันนี้ กลุ่มมิตรผลสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์แล้ว แต่เรายังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความรู้ และนวัตกรรมเทคโนโลยี เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ.2050 ผ่านโครงการต่างๆ ที่เรากำลังทำ และเตรียมความพร้อมในอนาคต”
ภาพยนตร์โฆษณา “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า” เล่าเรื่องผ่านตัวละครคนธรรมดาอย่าง “ป้านิด” แม่ค้าขายอาหาร ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงจากสิ่งเล็กๆ  อย่างการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์อาหารรักษ์โลก “พี่ประเสริฐ” หนุ่มข้าราชการ ที่เริ่มตระหนักถึงการประหยัดพลังงานไฟฟ้า ปิดไฟเมื่อไม่ใช้ ดึงปลั๊กออกเมื่อชาร์จแบตจนเต็ม ช่วยเซฟทั้งพลังงานและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน และยังให้โอกาสโลกได้พัก หรือ “ลุงผล” เกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการทำเกษตรสมัยใหม่และตัดอ้อยสด
อีกทั้งทุกคนยังร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อช่วยลดคาร์บอนและเพิ่มออกซิเจนให้กับโลก ซึ่งจากการเปลี่ยนแปลงที่ดูเหมือนจะเล็กน้อยของทั้ง 3 คนนี้ เมื่อมารวมกันจะสามารถสร้างพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้ เปรียบเสมือน Butterfly Effect ดังที่มาของ
ชื่อคอนเซ็ปต์ภาพยนตร์โฆษณาที่ว่า “ความร่วมมือของทุกคนเพื่อร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์นั้นจะนำไปสู่อนาคตที่ไม่สูญเปล่าอย่างแน่นอน”
นอกจากภาพยนตร์จะถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเป็นกันเองในมุมที่อบอุ่น เข้าใจง่าย เข้าถึงคนทุกกลุ่มวัยแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยการสร้างความตระหนักรู้ถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่โลกกำลังเรียกร้อง และความเข้าใจว่า Net Zero ไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถช่วยกันเปลี่ยนแปลงคนละเล็กละน้อยได้ทันที
รวมทั้งได้บอกเล่าการดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผลที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals: SDGs) และหลัก BCG ซึ่งเป็นนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 มิติของประเทศ ผ่านกรอบแนวทางดำเนินงานทั้ง 6 ด้าน ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้แก่
1. ผู้ผลิตพลังงานทดแทนรายใหญ่ของประเทศไทยและใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต
2. พัฒนาต่อยอดอ้อยและน้ำตาลสู่ธุรกิจ Bio-Circular-Green Economy Model (BCG Model)
3. ทำเกษตรสมัยใหม่อย่างยั่งยืน
4. ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิภาพ
5. ปลูกป่าเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวในการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง
6. ชดเชย กักเก็บ และใช้ประโยชน์จากก๊าซเรือนกระจก (Carbon Capture Utilization and Storage: CCUS)
กลุ่มมิตรผล วางแผนปล่อยภาพยนต์โฆษณาดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 18 สิงหาคม 2565 ผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง และสอดรับกับพฤติกรรมการเปิดรับสื่อขอผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน รวมถึงส่งต่อแรงบันดาลใจและเชิญชวนให้ทุกคนหันมาเป็นหนึ่งกำลังในการร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นำพาประเทศไทยก้าวสู่สังคมไร้คาร์บอนไปพร้อมกัน
สามารถรับชมภาพยนตร์โฆษณา “ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า” จากกลุ่มมิตรผล ได้แล้ววันนี้ที่
#ศูนย์ที่ไม่สูญเปล่า #MitrPholNetZero2050 #มิตรผล #mitrphol
* เป้าหมายด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ในเวทีการประชุม COP26
1. เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ. 2050
2. เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี ค.ศ. 2065
* เป้าหมายด้านความยั่งยืนของกลุ่มมิตรผล
1. เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ปี ค.ศ. 2030
2. เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ปี ค.ศ. 2050
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.