
อีลอน บอกพนักงาน Tesla อย่าไปสนใจ “ความบ้าคลั่ง” ของตลาดหุ้น พร้อมตั้งเป้า Tesla จะเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
29 ธ.ค. 2022
ในขณะนี้ Tesla บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ของอีลอน มัสก์ ต้องเผชิญกับสถานการณ์วิกฤติหนัก ราคาหุ้นของ Tesla ลดลงกว่า 70% ในระยะเวลาเพียง 1 ปี
โดยอีลอน มัสก์ อ้างว่าราคาหุ้นของ Tesla ที่ตกลงอย่างมหาศาล เกิดจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ในความจริงแล้วหลายฝ่ายให้ความเห็นว่า สาเหตุหลักที่ทำให้หุ้น Tesla ตก เกิดการจากเข้าซื้อกิจการบริษัท Twitter และการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
ล่าสุด อีลอน มัสก์ ได้ส่งอีเมลถึงพนักงาน Tesla ทุกคน เพื่อขอบคุณพนักงานที่ทำงานอย่างหนัก ในปี 2022
นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ ยังได้กระตุ้นให้พนักงานทุ่มเททำงานหนัก ก่อนที่จะปิดไตรมาส 4 ของปีนี้อีกด้วย โดยขอให้พนักงาน Tesla ทุกคน ช่วยกันส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า ให้ได้มากที่สุด ก่อนเวลาเที่ยงคืน ในวันที่ 31 ธันวาคมนี้
ซึ่งการที่อีลอน มัสก์ขอให้พนักงาน Tesla ช่วยกันส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้า ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
เพราะก่อนหน้านี้ ในช่วงเวลาก่อนปิดไตรมาส อีลอน มัสก์ ก็มักขอให้พนักงาน Tesla มาช่วยส่งมอบรถยนต์ให้กับลูกค้าที่สั่งจองไว้ เป็นประจำอยู่แล้ว แม้ว่าพนักงาน Tesla คนนั้นจะไม่ใช่พนักงานในฝ่ายขาย และฝ่ายส่งมอบรถยนต์เลยก็ตาม เพื่อเป้าหมายที่ต้องการทำลายสถิติการส่งมอบรถยนต์ให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ในแต่ละไตรมาส
นอกจากนี้ อีลอน มัสก์ ยังระบุถึงสถานการณ์ของ Tesla โดยเฉพาะเรื่องราคาหุ้นที่ตกลงอย่างหนัก ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาด้วยว่า..
“อย่าไปกังวลกับความบ้าคลั่งของตลาดหุ้นให้มากเกินไป หากเราลงมือทำงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง ตลาดหุ้นก็จะรับรู้ถึงความพยายามของเรา”
นอกจากนี้ในระยะยาว อีลอน มัสก์ ยังเชื่อด้วยว่า “Tesla จะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก”
อย่างไรก็ตาม แม้อีลอน มัสก์ จะปลุกขวัญกำลังใจ ด้วยการบอกถึงเป้าหมายในอนาคต ว่าเขาต้องการทำให้ Tesla กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก แต่ในวันนี้เป้าหมายนั้นยังคงห่างไกล
เพราะในวันนี้ บริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก คือ Apple ด้วยมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 69 ล้านล้านบาท)
ในขณะที่ Tesla มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านล้านบาท)
ในขณะที่ Tesla มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 3.5 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12 ล้านล้านบาท)