เปิดแผนธุรกิจของ ไมเนอร์ฯ ปี 2566 สานต่อการเติบโต รุก 3 ธุรกิจหลัก รับอานิสงส์ภาคการท่องเที่ยว

เปิดแผนธุรกิจของ ไมเนอร์ฯ ปี 2566 สานต่อการเติบโต รุก 3 ธุรกิจหลัก รับอานิสงส์ภาคการท่องเที่ยว

19 ม.ค. 2023
สำหรับภาพรวมธุรกิจของ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ในปี 2565
มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ที่เข้าสู่ภาวะปกติ
ซึ่งมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์
แม้จะเผชิญความท้าทายบางอย่าง เช่น อัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
โดยผลประกอบการของทุกกลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ไมเนอร์ โฮเทลส์, ไมเนอร์ ฟู้ด, ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์
มีอัตรากำไรที่เป็นบวกทั้งหมด และมีรายได้ มากกว่าช่วงก่อนสถานการณ์โรคระบาดในปี 2562
-ไมเนอร์ โฮเทลส์
ในปี 2566 พบสัญญาณการเติบโตที่แข็งแกร่ง จากแนวโน้มการจองห้องพักล่วงหน้า ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยบริษัท จะมีการเพิ่มอัตราการเข้าพัก และการปรับขึ้นราคาห้องพัก ให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่พุ่งสูงขึ้น
ซึ่งการปรับขึ้นราคาห้องพัก ยังช่วยให้บริษัทสามารถรับมือกับต้นทุนทางธุรกิจที่เพิ่มขี้น ได้อีกด้วย
และตอนนี้รายได้เฉลี่ยต่อห้อง ในหลาย ๆ ประเทศ แซงหน้าช่วงก่อนโควิดแล้ว
อีกทั้งบริษัทจะขยายการให้บริการนักเดินทางกลุ่มธุรกิจ ควบคู่กับการผลักดันกลยุทธ์เชิงการตลาดให้เติบโต
สำหรับในประเทศไทย คาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพิ่มขึ้นเป็น 22 ล้านคนในปี 2566
จาก 11 ล้านคนในปี 2565
โดยตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นอีก หลังจากการเปิดประเทศจีน อย่างเป็นทางการ
ซึ่งจะกลายเป็นอานิสงส์เชิงบวกต่อธุรกิจของ MINT
-ไมเนอร์ ฟู้ด
บริษัทยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างรายได้ผ่านทุกช่องทางการขาย
พรัอมปรับปรุงโครงสร้างด้านต้นทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจลีน และเอาเทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาใช้มากขึ้น เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไร
ควบคู่ไปกับการสร้างการเติบโต ด้วยแนวทางต่าง ๆ เช่น ขยายร้านสาขาเพิ่มเติม, สร้างร้านค้ารูปแบบใหม่, ปรับโฉมแบรนด์ให้มีความทันสมัย
ปั้นแพลตฟอร์ม Loyalty Program ระหว่างลูกค้ากับแบรนด์, ขยายแบรนด์ข้ามประเทศ
ตลอดจนการพัฒนาเมนูใหม่ เพื่อสร้างความตื่นเต้นทางการตลาด และสนองความคาดหวังของลูกค้าในทุกระดับเจนเนอเรชัน
ซึ่งที่ผ่านมา MINT ก็ได้เข้าลงทุนในร้านเครื่องดื่ม “GAGA” เนื่องจากเห็นศักยภาพการเติบโต ทั้งในและต่างประเทศ โดยเข้าไปถือหุ้นในสัดส่วน 50.1%
-ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์
ธุรกิจขานรับและเติบโตไปกับเทรนต์อีคอมเมิร์ซ
มีการปรับต้นทุน และเพิ่ม Productivity ให้พนักงาน
มีการตัดส่วนงานที่ไม่ทำกำไร รวมถึงการนำข้อมูลของลูกค้ามาวิเคราะห์ให้เกิดประโยชน์
อีกทั้งโฟกัสกับการดำเนินธุรกิจ โดยยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น
และสร้างประสบการณ์การช็อปปิง ที่ผสานระหว่างช่องทางหน้าร้านและออนไลน์ ได้อย่างกลมกลืน
สรุปแล้ว ปัจจัยความสำเร็จของบริษัทในปีที่ผ่านมา
เกิดจากบริษัทมีการปรับตัว และปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา
รวมถึงให้ความสำคัญกับการเข้าใจ และยึดลูกค้าเป็นหลัก
เพื่อให้การดำเนินธุรกิจ สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
ที่สำคัญในช่วงปี 2565 บริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจ ไว้แล้ว
ทำให้ในปี 2566 นี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าสู่กลยุทธ์ “กลับสู่การเติบโต (Back to Growth) ได้อย่างเต็มกำลัง
ด้วยการวางแผนกลยุทธ์ 3 ปี ในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
-เสริมสร้างเครือข่ายแบรนด์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งต้องเป็นแบรนด์ที่โดนใจผู้บริโภค และขยายพอร์ตแบรนด์อย่างต่อเนื่อง
-สร้างมูลค่าเพิ่ม และเพิ่มประสิทธิภาพในองค์กร
-ผนักกำลังพันธมิตร เพื่อขยายความร่วมมือในอนาคต
-สร้างสรรค์นวัตกรรม และพัฒนาระบบดิจิทัล
-พัฒนาศักยภาพทีมงานบุคลากร ให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง
-มุ่งสู่องค์กรแห่งความยั่งยืนเต็มตัว
โดย MINT ตั้งเป้าหมายว่า ด้วยกลยุทธ์ดังกล่าว และแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยเฉพาะอานิสงส์จากการที่จีนเปิดประเทศ
จะทำให้ในปี 2566 ภาพรวมของบริษัท มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งด้านรายได้และกำไร
นอกจากนี้ MINT ยังเตรียมออกหุ้นกู้ฯ ชุดใหม่
เพื่อเดินหน้าสร้างการเติบโตเต็มรูปแบบ ต่อยอดความแข็งแกร่งและความมั่นคงของบริษัท
โดยจะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนฯ ชุดใหม่ ครั้งที่ 1/2566
มูลค่าการเสนอขาย 9,000 ล้านบาท
ซึ่งมีอันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้ ในระดับ A แนวโน้มอันดับเครดิตคงที่
และอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ฯ​ ชุดใหม่นี้ ในระดับ BBB+
คาดว่า จะเปิดให้จองหุ้นกู้ฯ แก่ประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 7 - 9 ก.พ. 2566 นี้
ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำทั้ง 11 แห่ง เช่น ธนาคารกรุงเทพ, กรุงไทย, กรุงศรีฯ, กสิกรไทย, ไทยพาณิชย์, ซีไอเอ็มบี, เกียรตินาคินภัทร
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.