อ่านเกมธุรกิจรับสร้างบ้าน “ซีคอน” ปีนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 2,500 ล้าน ท่ามกลางตลาดรับสร้างบ้านไทย มูลค่า 12,500 ล้านบาท

คุณมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยภายรวมของตลาด “ธุรกิจรับสร้างบ้าน” ในปี 2565 ที่ผ่านมา ว่ามีมูลค่าราว 12,500 ล้านบาท

และในปี 2566 นี้ จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 13,250 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้นราว 6% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ส่วนในมุมของซีคอนเองนั้น ปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถทำยอดขายไปได้ 1,920 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 1,800 ล้านบาท เมื่อปี 2564
สิ่งที่น่าสนใจคือ ยอดขายของซีคอนนี้ เป็นยอดที่เกิดจากฐานลูกค้าที่มีความต้องการสร้างบ้านที่มีขนาดใหญ่ และขนาดกลาง เป็นหลัก

โดยยอดขายเกิน 50% มาจากบ้านที่มีขนาดใหญ่ ราคา 8 - 50 ล้านบาท ขึ้นไป และมีพื้นที่ใช้สอย 351 ตารางเมตร ขึ้นไป

ในขณะที่บ้านที่มีขนาดกลาง ราคา 5 - 7.9 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 200 - 350 ตารางเมตร มียอดขาย 35%

และบ้านขนาดเล็ก ราคา 2 - 4.9 ล้านบาท พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่า 200 ตารางเมตร มีสัดส่วนยอดขายน้อยที่สุด อยู่ที่ราว 15%

ซึ่งสาเหตุที่ทำให้บ้านที่มีขนาดใหญ่และขนาดกลาง ได้รับความนิยมจากลูกค้าของซีคอน มากกว่าบ้านที่มีขนาดเล็ก เนื่องจากการอยู่อาศัยร่วมกันในช่วงที่โควิดระบาด

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ยอดขายบ้านขนาดเล็กก็มีแนวโน้มกลับมาอีกครั้ง หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลาย

นอกจากนี้ คุณมนู ยังบอกด้วยว่า ในทุกวันนี้ ยอดขายของซีคอน เป็นยอดขายที่เกิดจากช่องทางออนไลน์ อย่างสื่อโซเชียลต่าง ๆ ในสัดส่วนราว 32% และช่องทางออฟไลน์ เช่น สำนักงานขาย บ้านตัวอย่าง หรืองานแฟร์ต่าง ๆ ที่บริษัทเข้าร่วม อีก 68%

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 นี้นั้น คุณมนูตั้งเป้าว่า ซีคอน จะมียอดขาย 2,500 ล้านบาท โดยใช้กลยุทธ์ใน 3 ด้าน ได้แก่

1. กลยุทธ์ด้านการตลาดออนไลน์ และออฟไลน์ จะมีการพัฒนาเครื่องมือการตลาดใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด เพื่อขยายฐานลูกค้าในช่องทางออนไลน์ให้สอดรับกับการบริโภคสื่อที่เพิ่มขึ้น ตลอดจนการจัดทำสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ลูกค้า ภายใต้โครงการ SEACON Privileges

รวมถึงในด้านการช่องทางการตลาด “ออฟไลน์” ที่เป็นช่องทางสำคัญในการเข้าถึงลูกค้าได้โดยตรง ซึ่งในปีนี้ ซีคอนเตรียมเข้าร่วมงานใหญ่ 2 งาน ได้แก่

- งานรับสร้างบ้าน และวัสดุ Focus 2023 ระหว่างวันที่ 8 - 12 มีนาคม ที่อิมแพค เมืองทองธานี Hall 6
- งานบ้านและสวน Select 2023 ระหว่างวันที่ 18 - 26 มีนาคม ที่ไบเทค บางนา

2. กลยุทธ์ความยั่งยืน ซีคอน และ SEACON ID ให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุที่มีคุณภาพ มีการรับรองเรื่อง Carbon Footprint และนวัตกรรมสินค้าปลอดสารก่อมะเร็ง ซึ่งเป็นการรับผิดชอบต่อลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างเช่น นวัตกรรมบ้านระบายอากาศ SEACON Cool & Clean System โดยการเติมออกซิเจนภายในตัวบ้านให้ได้รับอากาศเย็นสดชื่นตลอดเวลา พร้อมทั้งบริการติดตั้ง Solar Rooftop ให้กับบ้านของลูกค้าเพื่อช่วยประหยัดพลังงาน

3. กลยุทธ์ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ซึ่งก็คือแบบบ้านใหม่ ๆ ที่ซีคอนเตรียมได้เปิดตัวแบบบ้าน Minimal Series นี้ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน

ซึ่งจุดเด่นของแบบบ้าน “มินิมัล” ก็คือ ความเรียบง่าย ผสมผสานความทันสมัยไว้อย่างลงตัว ลดทอนการตกแต่งในส่วนที่ไม่จำเป็นออกไป แสดงให้เห็นถึงรูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์ของบ้านได้อย่างชัดเจน เน้นโทนสีอ่อนที่เรียบง่ายเป็นหลัก

นอกจากนี้ บริษัท ซีคอน จำกัด ยังมี SEACON ID ที่จับกลุ่มลูกค้า ที่ต้องการบริการสร้างบ้านตามแบบของลูกค้า รวมถึงบริการออกแบบ ตกแต่งภายใน ออกแบบ Landscape และการสร้างสระว่ายน้ำ เป็นต้น

หลักจากเปิดตัว SEACON ID มาได้ 3 ปี คุณสุรเชษฐ์ สายนุช ผู้อำนวยการสายงานปฏิบัติการ บริษัท ซีคอน จำกัด ให้ข้อมูลว่า SEACON ID มีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ เป็นคนที่ต้องการสร้างบ้านในราคา 20 ล้านบาท ขึ้นไป

และมีความต้องการพิเศษเป็นของตัวเอง และให้ SEACON ID เป็นผู้ออกแบบตามบรีฟของลูกค้า โดยในปี 2566 SEACON ID วางแผนที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังต่างจังหวัดมากยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมามีลูกค้าจากต่างจังหวัด เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ ซีคอน ยังวางแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 บนเนื้อที่ 26 ไร่ มูลค่า 120 ล้านบาท ที่ลำลูกกาคลอง 12

ตั้งเป้ากำลังการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปเต็มรูปแบบ 120,000 ชิ้นต่อปี
ซึ่งในระยะแรก จะผลิตที่ 60,000 ชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจในอนาคต..