MG ตั้งเป้าขึ้นเป็น “TOP 5” แบรนด์รถยนต์ในไทย ปี 2566

MG ตั้งเป้าขึ้นเป็น “TOP 5” แบรนด์รถยนต์ในไทย ปี 2566

21 ก.พ. 2023
ล่าสุด MG ประเทศไทย เผยแผนทิศทางธุรกิจในปี 2566 ด้วยเป้าหมายการก้าวสู่การเป็น “TOP 5” ในอุตสาหกรรมยานยนต์ในไทย
โดยคุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า
จากสถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มไปในทิศทางบวกมากขึ้นหลังวิกฤติโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย สังเกตได้จากตัวเลข GDP ในประเทศปี 2565 ที่เพิ่มสูงขึ้น 3.2%
ในปี 2566 MG จึงได้กำหนดแผนการยกระดับแบรนด์ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการสร้างการเติบโตให้แบรนด์ MG ขึ้นเป็น “TOP 5” ของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย
โดยภายในครึ่งปีแรก MG มีแผนเปิดตัวรถยนต์อย่างน้อย 2 รุ่น
พร้อมกับเร่งแก้ปัญหาส่งมอบรถยนต์ในรุ่นที่ก่อนหน้าไม่เพียงพอให้คลี่คลาย
อย่างไรก็ดี ถ้าดูภาพรวมแบรนด์รถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศไทยปี 2565 ที่ผ่านมา พบว่า
อันดับ 1 Toyota ครองส่วนแบ่ง 34%
อันดับ 2 Isuza ครองส่วนแบ่ง 25%
อันดับ 3 Honda ครองส่วนแบ่ง 9.8%
อันดับอื่น ๆ ได้แก่ Mitsubishi ครองส่วนแบ่ง 5.9%, Ford ครองส่วนแบ่ง 5.1% และ Mazda ครองส่วนแบ่ง 3.7% ส่วน MG อยู่ในอันดับ 7 ที่ครองส่วนแบ่ง 3.2%
ซึ่งหมายความว่า การที่ MG จะขึ้นไปสู่ TOP5 ได้ จะต้องมียอดขายแซงหน้า Ford และ Mazda ให้ได้นั่นเอง..
ในปี 2565 ที่ผ่านมา นับว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของอุตสาหกรมยานยนต์ ทั้งการขาดแคลนชิ้นส่วนและอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลก รวมถึงปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ
แต่ MG สามารถส่งรถยนต์รุ่นใหม่เข้าสู่ตลาดได้ถึง 4 รุ่น 4 รูปแบบพลังงาน ได้แก่ MG ZS EV, MG HS, MG VS HEV และ NEW MG4 Electric
โดยสร้างยอดขายได้ 27,293 คัน มีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 3.2%
โดยเซกเมนต์ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดสูงสุดของ MG เป็นกลุ่ม BEV หรือรถยนต์ไฟฟ้า 100%
ซึ่งมีจำหน่ายอยู่ 3 รุ่น ได้แก่ MG ZS EV, MG EP และ NEW MG4 Electric มียอดขายอยู่ที่ 3,993 คัน
ในส่วนของการผลิตเพื่อส่งออกสร้างยอดได้ที่ 6,684 คัน มีสัดส่วนตลาดการส่งออกเป็นประเทศเวียดนาม 82% และประเทศอินโดนีเซีย 18%
จนถึงปัจจุบัน MG ส่งมอบรถยนไฟฟ้าให้คนไทยได้ใช้งานแล้วกว่า 8,000 คัน
ซึ่งในปีนี้ MG ตั้งเป้าส่งมอบรถอีวีเฉลี่ยเดือนละไม่น้อยกว่า 1,000 คัน
รวมถึงเดินหน้าขยายระบบนิเวศของยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ให้สามารถรองรับการขยายตัวของตลาดและอำนวยความสะดวกทุกพื้นที่ด้วยการเพิ่มเครือข่ายสถานี MG Super Charge
เพื่อรองรับผู้ใช้บริการในทุกๆ 150 กิโลเมตร ควบคู่กับการติดตั้งสถานีชาร์จในศูนย์บริการทั่วประเทศ โดยภายในสิ้นปี จะมีจำนวนสถานีชาร์จไม่น้อยกว่า 200 แห่งอีกด้วย
อ้างอิง:
-เอกสารประชาสัมพันธ์ MG
-https://www.headlightmag.com/2022-01-20-best-selling-car.../
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.