VinFast แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติ “เวียดนาม” ที่ฝันไกล แต่อาจไปไม่ถึงฝัน..

VinFast แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติ “เวียดนาม” ที่ฝันไกล แต่อาจไปไม่ถึงฝัน..

1 มี.ค. 2023
VinFast คือชื่อของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สัญชาติ “เวียดนาม” ที่ก่อตั้งขึ้นโดย Phạm Nhật Vượng มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของประเทศ
ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการ Vingroup บริษัทที่มีมูลค่ามากเป็นอันดับต้น ๆ ของเวียดนาม 
ด้วยมูลค่ากิจการกว่า 284,000 ล้านบาท โดยทำธุรกิจในหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจค้าปลีก, ศูนย์การค้า, ร้านสะดวกซื้อ, อสังหาริมทรัพย์, สมาร์ตโฟน, โรงแรม, โรงพยาบาล รวมถึงโรงเรียน
อย่างไรก็ตาม นอกจากธุรกิจข้างต้นนี้แล้ว Phạm Nhật Vượng ยังมีความต้องการอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือ การสร้างแบรนด์รถยนต์เป็นของตัวเอง
ซึ่งนั่นก็ทำให้ VinFast ถือกำเนิดขึ้น ในปี 2017 โดยมีเป้าหมายที่จะ “บุกตลาด” รถยนต์ ไม่ใช่แค่ในเวียดนาม แต่เป็นการบุกตลาดรถยนต์ในระดับโลก..
โดยในช่วงแรก ๆ ของการก่อตั้ง VinFast นั้น Phạm Nhật Vượng ได้ทำการอัดฉีดเงินลงทุน เพื่อช่วยให้ VinFast สามารถ “ตั้งไข่” ได้ ด้วยเงินลงทุนราว 52,400 ล้านบาท
พร้อมกับการดึงตัวคนเก่ง ๆ ในอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก โดยเฉพาะจากบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ในยุโรป ให้เข้ามาทำงานกับ VinFast
รวมถึงมีการก่อสร้างโรงงาน ที่ใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์ของ VinFast ที่เมืองไฮฟอง ประเทศเวียดนาม ในปีเดียวกัน
และหลังจากนั้นเพียง 1 ปี VinFast ก็ได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นแรกของบริษัท ที่มีชื่อว่า VinFast Lux อย่างยิ่งใหญ่ ที่งาน Paris Motor Show ในปี 2018
และเริ่มเปิดตัวรถยนต์ VinFast Lux อย่างเป็นทางการ ในประเทศเวียดนาม เมื่อปี 2019
อย่างไรก็ตาม VinFast ไม่ได้หยุดแค่เพียงรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป ที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนเท่านั้น
เพราะจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ชื่อของแบรนด์ VinFast กลายเป็นที่รู้จักในระดับโลก
เกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจกระโดดเข้าร่วมการแข่งขัน ในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
ด้วยการประกาศเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า พร้อมกันถึง 2 รุ่น ก็คือ VinFast VF8 และ VinFast VF9 ในปี 2021
พร้อมกับการประกาศจุดยืน ที่จะเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า เพียงอย่างเดียว ภายในปี 2023
นอกจากนี้ VinFast เอง ยังเลือกที่จะบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก ด้วยการปักหมุด ให้ความสำคัญกับตลาดสหรัฐอเมริกา เป็นอันดับแรก ตามมาด้วยตลาดแคนาดา และยุโรป
โดยวางแผนที่จะสร้างโชว์รูมและศูนย์บริการ ในสหรัฐอเมริกา รวมแล้วมากกว่า 30 แห่ง 
รวมถึงสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เพื่อรองรับความต้องการในตลาดสหรัฐอเมริกา อีกด้วย
และในปีที่แล้ว VinFast เปิดให้ลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ได้มีโอกาสจองรถยนต์ไฟฟ้า VinFast VF8 และ VinFast VF9 เป็นครั้งแรก
จนกระทั่งในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา VinFast ระบุว่าบริษัทสามารถกวาดยอดจองรถยนต์ไฟฟ้า จากลูกค้าทั่วโลก ได้แล้วกว่า 55,000 คัน
โดยที่ยอดจองกว่า 12,000 คัน มาจากลูกค้าในสหรัฐอเมริกา เพียงประเทศเดียว
ถึงแม้ยอดจองรถยนต์กว่า 55,000 คัน จากลูกค้าทั่วโลก จะดูเหมือนไม่มาก 
แต่ในความจริงแล้ว เป้าหมายของ VinFast ไม่ได้มองแค่ยอดจองที่ทำได้ในหลัก “หมื่นคัน” เท่านั้น
เพราะเป้าหมายใหญ่จริง ๆ ของ VinFast คือการส่งมอบรถยนต์ให้ได้ 1 ล้านคันทั่วโลก ภายในเวลา 5-6 ปีนับจากนี้
ดังนั้น ยอดจองรถยนต์ในระดับหมื่นคันนี้ ก็อาจมองได้ว่า เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี..
สำหรับแบรนด์รถยนต์น้องใหม่ จากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่ยังไม่ได้มีชื่อชั้น ที่เป็นที่รู้จักมากนัก ในอุตสาหกรรมรถยนต์
และ VinFast เอง ก็ดูจะกลายเป็นความหวังให้กับคนเวียดนาม ที่ร่วมกันเอาใจช่วยให้ VinFast สามารถตีตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลกได้สำเร็จ
เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ หลาย ๆ คนอาจคิดว่า VinFast มีเป้าหมายที่ชัดเจน และยังมีศักยภาพ ที่สามารถก้าวไปเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ในระดับโลกได้ไม่ยาก
เพราะต้องยอมรับว่า VinFast มีข้อได้เปรียบสำคัญ คือการมี “เงินทุน” มหาศาล จากผู้ก่อตั้ง ซึ่งเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเวียดนาม
รวมถึงในช่วงหลังการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า VinFast VF8 และ VinFast VF9 
เราก็มักเห็น YouTuber สายรถยนต์ในต่างประเทศ ทำการ “พรีวิว” รถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast ทั้ง 2 รุ่นนี้ กันเป็นจำนวนมาก
และส่วนใหญ่ จะพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูปราดเปรียว ภายในห้องโดยสารที่สวยงาม มีเทคโนโลยีความปลอดภัยอัดแน่น และมีฟีเชอร์อำนวยความสะดวกเต็มคัน
แต่ในความจริงแล้ว การที่ VinFast จะบุกตลาดโลกได้สำเร็จนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายนัก..
เพราะจากแผนการเดิม VinFast ต้องการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล็อตแรก ให้กับลูกค้าทั่วโลก ได้ในช่วงเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว
แต่จนถึงปัจจุบัน VinFast ก็ยังไม่สามารถทำได้ตามแผน
แม้ว่าในประเทศเวียดนามเอง VinFast จะสามารถส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าล็อตแรก ไปได้แล้วกว่า 4,000 คัน ก็ตาม..
โดยเฉพาะลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่สำคัญ ที่ VinFast ต้องการบุกเข้าไปทำตลาด
เพราะในขณะนี้ รถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast ล็อตแรก จำนวน 999 คัน ได้ขนส่งจากโรงงานของ VinFast ในเวียดนาม ไปถึงท่าเรือในสหรัฐอเมริกา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ยังไม่พร้อมส่งมอบ จนกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast ทั้ง 999 คันนี้ จะได้รับการติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชันใหม่เสียก่อน
โดย VinFast ระบุว่า จะเลื่อนการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ออกไปเป็นช่วงครึ่งหลังของเดือนกุมภาพันธ์นี้
แต่จนถึงตอนนี้ VinFast ก็ยังไม่ได้เริ่มส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้า ให้กับลูกค้าในสหรัฐอเมริกา แต่อย่างใด..
นอกจากนี้ VinFast ยังต้องต่อสู้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายอื่น ๆ ที่มีชื่อชั้นในระดับโลก ที่เหนือกว่า VinFast เป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะ Tesla ที่ประกาศลดราคารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเองลงมา..
อย่าง Tesla Model 3 มีราคาเริ่มต้นที่ราว 1.5 ล้านบาท
ในขณะที่ VinFast VF8 Eco Trim ซึ่งเป็นรุ่นเริ่มต้น มีราคาอยู่ที่ราว 1.7 ล้านบาท ซึ่งนับว่าแพงกว่า Tesla Model 3 อยู่พอสมควร..
หรือหากเทียบกับ Hyundai Ioniq 5 ซึ่งนับว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้าของ Hyundai ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ในระดับหนึ่ง
ก็มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราว 1.4 ล้านบาท ซึ่งก็ยังถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast อยู่ดี
และนั่นก็หมายความว่า ลูกค้าในสหรัฐอเมริกา ที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าคันใหม่ ก็คงมีโอกาสมองรถยนต์ไฟฟ้า สัญชาติเวียดนาม “น้อยลง”
เพราะมีตัวเลือกอื่นที่มีราคา “ถูกกว่า” แถมยังเป็นแบรนด์ระดับโลก ที่ได้รับการพิสูจน์ตัวเองมาแล้วอย่างยาวนาน ทั้งในด้านคุณภาพของตัวรถยนต์ เทคโนโลยี รวมไปถึงบริการหลังการขาย
นอกจากนี้ เมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา VinFast ในสหรัฐอเมริกา ยังได้ประกาศ “ปลดพนักงาน” ไปราว ๆ 80 คน จากจำนวนพนักงานทั้งหมดที่มีอยู่ 150 คน อีกด้วย
ส่วนในประเทศเวียดนามเอง รถยนต์ไฟฟ้าของ VinFast ที่ส่งมอบให้กับลูกค้าไปจำนวน 4,000 คัน ก่อนหน้านี้ ก็ถูกเรียกคืน (Recall) เพื่อนำกลับไปแก้ไขปัญหาของระบบเบรก กว่า 3,000 คัน
ซึ่งจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้ในปัจจุบัน VinFast ขาดทุนสะสมไปแล้วมากกว่า 104,000 ล้านบาท
และล่าสุด Phạm Nhật Vượng ผู้ก่อตั้งบริษัท Vingroup ประกาศแล้วว่า จะไม่อัดฉีดเงินส่วนตัว ให้กับ VinFast เพิ่มเติมอีกแล้ว..
หลังจากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้ลงทุนใน VinFast ไปแล้วกว่า 261,000 ล้านบาท
เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า แม้ VinFast ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า สัญชาติเวียดนาม จะตั้งเป้าหมายไว้ไกล ไม่ได้หยุดที่เพียงการขายรถยนต์ให้กับคนในประเทศ
แต่ก็ต้องยอมรับว่า การแข่งขันในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก เป็นไปอย่าง “ดุเดือด” และไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย สำหรับแบรนด์ “เกิดใหม่” ที่จะแจ้งเกิด และเข้าไปร่วมแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว
แม้ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งของแบรนด์ จะเป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของเวียดนามก็ตาม
ส่วนสถานการณ์ของ VinFast ในอนาคต จะเป็นอย่างไร จะได้รับการยอมรับจากคนในระดับโลก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ได้หรือไม่..?
เรื่องนี้คงต้องติดตามกันต่อไปในอนาคต..
อ้างอิง:
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.