ห้องเรียนในโรงงาน 'สิงห์ซัมเมอร์แคมป์' เสริมความรู้ สร้างความสุขให้เยาวชนช่วงปิดเทอม

ห้องเรียนในโรงงาน 'สิงห์ซัมเมอร์แคมป์' เสริมความรู้ สร้างความสุขให้เยาวชนช่วงปิดเทอม

2 พ.ค. 2023
การพัฒนาคนที่ดีที่สุด ส่วนหนึ่งน่าจะต้องเริ่มจาก การให้ความรู้กับเยาวชน
เพราะเป็นเหมือนการบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ทีละเล็กทีละน้อย ให้พวกเขามีรากฐานที่มั่นคง มีความพร้อมที่จะดูแลตัวเองได้ และเติบโตไปเป็นอนาคตที่ดีของประเทศ
ความเชื่อที่ว่านี้ สอดคล้องกับหลักการดำเนินธุรกิจของเครือบุญรอดฯ
จึงเกิดเป็น สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ หนึ่งในโมเดลความยั่งยืนด้านการเรียนรู้
ซึ่งการพัฒนาเยาวชนให้มีความสุขของสิงห์ คือ การนำเอาเครือข่าย ทั้งนักศึกษาทุนบุญรอดฯ นักศึกษามหาวิทยาลัย นักกีฬา และสมาคมกีฬาต่าง ๆ ตลอดจนปราชญ์ชาวบ้าน มาร่วมถ่ายทอดความรู้ให้กับเด็ก ๆ ในชุมชน ผ่านการเรียนรู้นอกห้องเรียน แบบไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งทำต่อเนื่องมานานกว่า 12 ปี
โดยมีเป้าหมาย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสุข สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี เติมเต็มแรงบันดาลใจ และทำให้เยาวชนได้ใช้เวลาว่างช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
ทำไมบุญรอดฯ ถึงให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และวิธีการต่อยอดเยาวชนด้วยความรู้ บุญรอดฯ ทำอย่างไร ?
ตลอด 90 ปีที่ดำเนินธุรกิจ ปณิธานของบุญรอดบริวเวอรี่ คือการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับแนวคิดการสร้างความยั่งยืน (ESG)
ที่ให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าจากธุรกิจ ไปสู่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
ซึ่งผลกระทบเชิงบวกในมุมของบุญรอดฯ คือการ “ส่งต่อความรู้” ให้กับเยาวชน เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของรอยยิ้มและความสุข ที่จะแผ่กระจายไปสู่ชุมชนในวงกว้าง
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่บุญรอดฯ นำโรงงานในเครือทั้งหมด มาเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนา
โรงงานในเครือบุญรอดฯ ไม่ได้เป็นแค่โรงงาน ที่มีหน้าที่ในการผลิตสินค้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังทำให้พื้นที่เหล่านั้นเกิดประโยชน์กับชุมชนอย่างสูงสุด
โดยเป็นทั้งศูนย์กลางของการเรียนรู้ ศูนย์กลางของการช่วยเหลือ เป็นที่พึ่งพิงให้กับเด็ก ๆ และชุมชน
ดังนั้น โรงงานต่าง ๆ ในเครือของบุญรอดฯ ทั่วประเทศ จึงมีบทบาทและหน้าที่ในการเป็นผู้ส่งเสริมการเรียนรู้ ที่จะคอยสร้างประสบการณ์ที่ดี สร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับเด็ก ๆ และผู้คนในชุมชน
รวมถึงจุดประกายให้พวกเขาได้ค้นพบคุณค่าของตัวเอง และความสามารถที่ซ่อนอยู่ในตัวของเด็กทุกคน
โดยโครงการ สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ ที่ทำมากว่า 12 ปี เป็นโครงการที่เชื่อว่า เราทุกคนสามารถสร้างคุณภาพสังคม คุณภาพคน และเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับผู้คนในชุมชนเข้าไว้ด้วยกันได้
สิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญ และเป็นจุดเริ่มต้นของความสุขที่เกิดขึ้นกับทุกสังคม ตามแนวคิดหลักขององค์กรที่เชื่อว่า “องค์กร ชุมชน สังคม สิ่งแวดล้อม สามารถอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนได้”
ที่สำคัญ คือ ในทุก ๆ ครั้งที่จัดกิจกรรม เด็ก ๆ ก็จะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ และในระหว่างการเรียน เด็กทุกคนก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ มีความตั้งใจที่ดี เรียนไปด้วยความสนุก มีทั้งเสียงหัวเราะและรอยยิ้มตลอดการเรียน
ซึ่งเด็ก ๆ ในชุมชนเหล่านี้ มีความพร้อมและอยากที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว
เพียงแต่ยังขาดโอกาสในการเข้าถึงการเรียน หรือหลักสูตรที่ตัวเองใฝ่ฝันไว้
จะเห็นว่า การทำธุรกิจให้กลายเป็นที่พึ่งพาของเยาวชนและชุมชน ทุกคนสามารถทำได้
หากมองว่าตัวเราเองเป็นพลเมืองคนหนึ่ง ที่มีความปรารถนาดี อยากที่จะเข้าไปช่วยสร้างการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ และช่วยดูแลคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนไปพร้อม ๆ กัน
เมื่อเยาวชนมีความรู้ ไปพร้อม ๆ กับมีความสุข ชุมชนก็จะมีความเข้มแข็งและเกิดการพัฒนา
ซึ่งผลกระทบเหล่านี้จะเกิดเป็นพลัง ที่สร้างความสุขและความยั่งยืนส่งต่อไปแบบไม่รู้จบ นั่นเอง
การต่อยอดความรู้ให้กับเยาวชนของ สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ มีความน่าสนใจตรงที่ ทำให้แต่ละโรงงานในเครือบุญรอดฯ ทั่วประเทศ กลายเป็นโรงเรียนที่ให้โอกาสทางการศึกษา และสร้างเยาวชนคุณภาพ เติมเต็มพวกเขาด้วยความรู้ ความสุข และรอยยิ้ม
ทำให้ชุมชนกลายเป็นจุดศูนย์รวมของคนที่มีความสุขจากข้างใน ดูแลตัวเองได้ และพร้อมที่จะดูแลคนรอบข้าง
โดยความพิเศษของ สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ ในปีนี้ คือ การร่วมมือกับเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏ 8 สถาบัน และบริษัทในเครือ 10 แห่งทั่วประเทศ เปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ในชุมชน ตลอดจนลูกหลานของพนักงาน ได้เข้ามาเรียนรู้ เติมเต็มประสบการณ์ และใช้เวลาช่วงปิดเทอมให้เกิดประโยชน์และมีความสุขมากที่สุด ผ่านการเรียนรู้ในค่ายต่าง ๆ ที่ สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ ตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้กับน้อง ๆ
จุดเด่นของ สิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ ประกอบด้วย 3 ค่าย ได้แก่
- ภาษา (Chinese - English Camp) การส่งเสริมทักษะด้านการสื่อสาร
- ศิลปะ (Art Camp) การส่งเสริมทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์
- กีฬา (Sport Camp) การส่งเสริมทักษะด้านสมรรถนะร่างกาย
ทั้ง 3 โปรแกรมนี้ เป็นการส่งเสริมทักษะที่จำเป็นสำหรับเยาวชน
ที่สำคัญ คือ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เยาวชนสามารถต่อยอดไปสู่สิ่งที่ตัวเองรักและหลงใหลได้
พร้อมกันนั้นยังได้มีการจัดสรรพื้นที่ที่เอื้อต่อการเรียนรู้ โดยมีการดิไซน์รูปแบบการสอนให้เข้ากับการเรียนรู้ในยุคใหม่ สนับสนุนให้เด็ก ๆ ได้มีการลงมือทำจริง เรียนรู้ด้วยความสนุก และสร้างสรรค์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด
อีกทั้งยังดึงผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่าง ๆ มาเป็นวิทยากรในการให้ความรู้
เช่น ครูฝ้าย ครูสอนภาษาอังกฤษชื่อดังจากเพจ ครูฝ้าย Easy English และครูแพรว สถานีภาษาจีน จากเพจ สถานีภาษาจีน-汉语站 สอนจีน สื่อการเรียนจีน, กลุ่มครูอาสาชาวต่างชาติในจังหวัดเชียงราย
รวมถึงผู้มีความรู้ในท้องถิ่น เช่น ครูแอน รังสรรค์ บุญมาแคน - ครูโอม กิตติวัลย์ ทองอร่าม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสวนเกษตรอินทรีย์แห่งสิงห์บุรี, อาจารย์สุรัติ เพชรพริ้ม ผู้สืบสานตำนานมวยไชยา จ.สุราษฎร์ธานี และทีมขัวศิลปะ กลุ่มศิลปินในเชียงราย มาเสริมสร้างจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ สร้างความประทับใจให้กับน้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรม
ตลอดจนนักกีฬาฮีโร่ เช่น น้องเมย์ - รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันอันดับ 7 ของโลก, สมจิตร จงจอหอ นักมวยฮีโร่ เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิก รวมถึงสมาคมกีฬาต่าง ๆ เช่น สมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย, โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด และค่ายมวยบัญชาเมฆ มาร่วมเป็นวิทยากร เป็นพี่เลี้ยงถ่ายทอดเคล็ดลับวิชา
เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เกิดความรู้สึกรัก มุ่งมั่นในการเดินตามความฝัน และรู้สึกภูมิใจในท้องถิ่นของตนเองด้วย
ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพียงแค่การเรียนรู้ ที่เกิดขึ้นในค่ายสิงห์ ซัมเมอร์แคมป์ เท่านั้น
แต่​ที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทบุญรอดฯ ยังให้ความสำคัญกับการศึกษา และพัฒนาเยาวชนในพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง เช่น การมอบทุนบุญรอดพัฒนา นิสิต นักศึกษา 22 สถาบันการศึกษาทั่วประเทศ ที่ได้ดำเนินมากว่า 40 ปี, การร่วมกับภาครัฐพัฒนาหลักสูตรในโครงการ Time ให้ทุนการศึกษานักศึกษาในระดับ ปวส. - ป.โท ได้เข้ามาเรียนรู้และฝึกปฏิบัติงานจริงภายในโรงงาน, โครงการทวิภาคีอาชีวะ ปั้นนักศึกษา ปวส. สาขาไฟฟ้าควบคุม ตลอดจนโครงการ 100 ลานกีฬามวยไทย ที่ได้บัวขาว นักมวยชื่อดัง และค่ายบัญชาเมฆมาฝึกสอนมวยไทยให้กับเด็ก ๆ ทั่วประเทศ ฯลฯ
รวมถึงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมข้าวที่โรงงานสิงห์บุรี ตลอดจนการดูแลชุมชนและสังคมในมิติอื่น ๆ อย่างรอบด้าน ​ไม่ว่าจะเป็น คุณภาพชีวิตของผู้คน ​รวมทั้งสภาพแวดล้อมในพื้นที่​
โดยเฉพาะการปรับปรุงและพัฒนากระบวนการในการผลิต เพื่อลดผลกระทบทั้งต่อสุขภาพของพนักงาน และช่วยดูแลสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น
สรุปแล้วโมเดลความยั่งยืนของบุญรอดฯ คือการเห็นความสำคัญของเยาวชน ว่าเป็น “กำลังสำคัญ” ของประเทศในอนาคต จึงได้เข้าไปส่งเสริมการเรียนรู้ ผ่านจุดเล็ก ๆ ของโรงเรียนที่เกิดขึ้นภายใต้ชายคาโรงงาน
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า หากโรงงานของเครือบุญรอดฯ ไปตั้งอยู่ที่ใด การพัฒนา ความสุข รอยยิ้ม และความยั่งยืน ก็กระจายไปสู่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ในพื้นที่นั้น นั่นเอง
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.