ฮ่องกง เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก

ฮ่องกง เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก

7 ก.ค. 2019
8 ใน 10 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกอยู่ในภูมิภาคเอเชีย
แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือ เมืองที่มีค่าครองชีพแพงเป็นอันดับ 1 ก็อยู่ในภูมิภาคเอเชียเช่นกัน
จากการสำรวจของบริษัทเมอร์เซอร์ ระบุว่า เขตปกครองพิเศษ ฮ่องกง เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก แถมในปีที่แล้วฮ่องกงเองก็ครองตำแหน่งนี้เช่นกัน
แล้วบริษัทเมอเซอร์ วัดจากอะไรถึงให้ ฮ่องกง เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงสุดในโลก
วิธีการคือ การนำข้อมูลในกลุ่มสินค้าอาหาร, เครื่องดื่ม, เสื้อผ้า, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมกันมากกว่า 200 รายการมาเปรียบเทียบกับเมืองอื่นๆ
โดยเฉพาะราคาที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกง ที่ราคาขายตอนนี้กลายเป็น Talk of the World ไปแล้ว
หากจำกันได้เมื่อเร็วๆ นี้มีกระแสบนโลกออนไลน์ คนไทยที่ทำงานในฮ่องกงซื้อคอนโดมิเนียม ในราคา 13.6 ล้านเหรียญ​ฮ่องกง​ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 53.4 ล้านบาท โดยได้ห้องขนาด 628 ตารางฟุต หรือ 58.2 ตารางเมตร
ราคาขนาดนี้สามารถซื้อบ้านเดี่ยวหรูหราระดับ 5 ดาวในกรุงเทพฯ ได้สบายๆ เลยทีเดียว
ส่วนเหตุผลที่ทำให้ราคาที่อยู่อาศัยฮ่องกงแพงอย่างน่าเหลือเชื่อนั้น เพราะการเป็นเมืองขนาดเล็ก ด้วยพื้นที่รวม 1,100 ตารางกิโลเมตร และประชากร 7.4 ล้านคน
ทำให้มีค่าเฉลี่ยจำนวนประชากรต่อพื้นที่อยู่ที่ 6,727 คนต่อตารางกิโลเมตร ในขณะที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 1,400 คนต่อตารางกิโลเมตร
จะเห็นว่าต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ฮ่องกงมีความหนาแน่นประชากรมากกว่ากรุงเทพฯ และปริมณฑลถึง 5,327 คนเลยทีเดียว
เมื่อพื้นที่เมืองขนาดเล็ก และจำนวนประชากรเยอะ ราคาที่ดินฮ่องกงก็เลยแพงเป็นเงาตามตัว
อีกทั้งในอดีตที่ผ่านมาเศรษฐีชาวจีนแผ่นดินใหญ่ก็กวาดซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อหวังขายในราคาสูงขึ้น ทำให้ราคาบ้านในฮ่องกงโดยเฉลี่ยจะสูงกว่ารายได้ต่อปีของคนธรรมดาถึง 14 เท่า
ไม่แปลกที่เราเคยได้ยินข่าวว่าคนทำงานธนาคารในฮ่องกงต้องอยู่อาศัยในห้องแคบๆ เพราะราคาคอนโดมิเนียม และบ้านแพงเกินเอื้อมถึง
ขณะที่ราคาขายสินค้าอุปโภคบริโภคก็อยู่ในเกณฑ์ที่สูงเช่นกัน อาทิเช่น ค่าอาหารเฉลี่ยต่อมื้อสูง 40-50 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 157-196 บาท รวมไปถึงสินค้าอีกหลายชนิด เพราะด้วยการที่ฮ่องกงเป็นเกาะ ทำให้วัตถุดิบ และสินค้าหลายอย่างต้องนำเข้า
ถึงค่าครองชีพจะแพงลิบลิ่ว แต่ ฮ่องกง ก็ถูกทดแทนด้วยระบบเศรษฐกิจเกรด A เพราะเชื่อหรือไม่ว่าเกาะแห่งนี้ มีตลาดหลักทรัพย์ชื่อว่า Hong Kong Stock Exchange มีมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 122 ล้านล้านบาท ใหญ่เป็นลำดับ 6 ของโลก
อีกทั้ง ฮ่องกง ยังเป็นเมืองที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่อปีอยู่ที่ 27.9 ล้านคน รวมไปถึงการเป็นเมืองท่าที่สำคัญลำดับ 6 ของโลก
เมื่อเป็นเมืองเศรษฐกิจคุณภาพ ทำให้ฮ่องกงมีค่าแรงขั้นต่ำเฉลี่ย 32 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 126 บาท ซึ่งหากเราทำงาน 8 ชั่วโมงจะมีรายได้ต่อวัน 1,008 บาท และค่าแรงขั้นต่ำนั้นจะถูกปรับขึ้นทุก 2 ปี ขณะที่รายได้เฉลี่ยของคนฮ่องกงมากกว่า 40,000 บาท/เดือน
ถึงอย่างไรก็ตาม แม้ ฮ่องกง จะเป็นเมืองที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ต่างจากเมืองอื่นๆ ที่จะมีปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ และกำลังเป็นปัญหาที่ ฮ่องกง กำลังคิดหนัก
เพราะค่าเฉลี่ยประชากร 5 คน จะมีคนฐานะยากจน 1 คน
จากรายงานสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองฮ่องกง เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจ โดยระบุว่ากลุ่มคนฐานะยากจนต้องทํางาน 3 ปี 8 เดือนโดยเฉลี่ยเพื่อจะมีรายได้เท่ากับการทํางานเพียงเดือนเดียวของกลุ่มคนที่มีฐานะดี
กลับมาที่ กรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศเราก็น่าจะมีค่าครองชีพสูงขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่ออันดับเขยิบขึ้นจากในปี 2018 อันดับ 55 มาในปีนี้ อยู่อันดับ 40 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงสุดในโลก
แต่ท้ายที่สุดแล้วตัวเราเองต่างหากที่เป็นผู้กำหนดค่าครองชีพในแต่ละวันแต่ละเดือน
เพราะหากรู้จักคำว่า “พอเพียง” เลือกซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และชอปสินค้าที่ไม่เกินกำลังตัวเอง
ค่าครองชีพที่สูงขึ้นทุกๆ ปี ก็จะส่งผลกระทบต่อตัวเราน้อยมาก 
----------------------------------------------------------------------------------------------------------
References : เมอร์เซอร์บริษัทในเครือ Marsh & McLennan Companies - wikipedia - globthailand - euromonitor
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.