เจาะเบื้องหลังแคมเปญประจำปี “แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์” ตั้งเป้าครองอันดับ 1 ตลาดพรินเตอร์ไทย

เจาะเบื้องหลังแคมเปญประจำปี “แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์” ตั้งเป้าครองอันดับ 1 ตลาดพรินเตอร์ไทย

30 พ.ค. 2023
ถ้าถามว่า ตอนนี้พรินเตอร์ เจ้าไหนขายดีที่สุดในประเทศไทย ?
หลายคนอาจลังเลไม่แน่ใจ เพราะตลาดพรินเตอร์บ้านเรา ถือเป็นอีกหนึ่งตลาด ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดไม่เบา
แต่ใครจะคิดว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2020-2022) กลับมีพรินเตอร์เจ้าหนึ่ง
ที่สามารถครองส่วนแบ่งตลาดได้มากถึง 32% ซึ่งถือว่าเหนือกว่าแบรนด์คู่แข่งแบบขาดลอย
แบรนด์นั้น คือ แคนนอน
ที่น่าสนใจ คือ ในปี 2023 แคนนอนยังเตรียมเปิดเกมรุกครั้งใหม่
ด้วยการเปิดตัวแคมเปญการตลาดประจำปี “แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์”
พร้อมตั้งเป้าครองอันดับ 1 ตลาดพรินเตอร์ไทย
อะไรคือ หมัดเด็ด ที่แคนนอนเตรียมไว้พิชิตเป้าหมาย ?
หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญของแคนนอน​ คือ การปูพรม ส่งกองทัพผลิตภัณฑ์พรินเตอร์
ที่ต้องบอกว่า พร้อมตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานของลูกค้าในทุกเซกเมนต์
ไม่ว่าจะเป็น กลุ่มธุรกิจ (B2B) ไปจนถึง ลูกค้ารายบุคคล (B2C)
ซึ่งเป็นตลาดที่แคนนอนแข็งแรง และทำผลงานได้ดีมาตลอด
ดังนั้น แม้อัตราการเติบโตของลูกค้าในกลุ่ม B2C จะเริ่มคงที่
แต่ทางแคนนอนมองว่า ด้วยเทรนด์การทำงานแบบไฮบริด
ที่มีความยืดหยุ่นของสถานที่ปฏิบัติงาน และการทำงานที่บ้าน (Work from Home) จะทำให้ดีมานด์ของลูกค้ากลุ่ม B2C ไม่ได้หายไปไหน
ในปีนี้แคนนอน จึงยังคงพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อลูกค้ากลุ่มนี้มาอย่างต่อเนื่อง
เพิ่มเติมคือ ในปีนี้ เราจะเห็นแคนนอนเริ่มรุกเข้ามาโฟกัสลูกค้ากลุ่ม B2B มากขึ้น
เหตุผลหลัก ๆ ก็เพราะ​ เมื่อวิกฤติโรคระบาดเริ่มคลี่คลาย ผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงาน เริ่มกลับมาใช้ชีวิตนอกบ้าน และออกไปทำงานกันตามปกติมากขึ้น
ส่งผลให้ดีมานด์ในตลาดพรินเตอร์ของกลุ่ม B2B เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
บวกกับการเติบโตของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
สะท้อนให้เห็นดีมานด์ของลูกค้ากลุ่ม B2B ที่เพิ่มขึ้นตาม
ถ้าไปดู ข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปี 2022 จะพบว่า หลังผ่านพ้นวิกฤติการแพร่ระบาด ประเทศไทยมีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยในปี 2021 มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs 58,058 ราย
ในปี 2022 เพิ่มเป็น 72,480 ราย
พูดง่าย ๆ ว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 25%
ที่สำคัญ​คือ SMEs ถือเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญ ในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
แคนนอน เลยมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการใช้งานพรินเตอร์ของลูกค้ากลุ่ม B2B
ด้วยการพัฒนาและเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์กลุ่ม B2B โดยเฉพาะ
แน่นอนว่า การที่จะตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในทุกเซกเมนต์นั้น
แคนนอนไม่ได้มองแค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ออกมาให้รองรับดีมานด์ของตลาด แต่ยึด 4 หลักสำคัญ ได้แก่
- ความเข้าใจใน Demand (อุปสงค์) ของลูกค้าทุกกลุ่ม
- การยกระดับ Supply (อุปทาน) ให้เพียงพอต่อความต้องการอย่างแน่นอน
- นำเสนอผลิตภัณฑ์ (Product) คุณภาพสูงที่ใช้ง่าย ไม่มีสะดุด
- มีพันธมิตรผู้ให้บริการ (Service Partner) เพื่อยกระดับความอุ่นใจและความสะดวกสบายแก่ลูกค้าแคนนอนในทุกภูมิภาค
หลายคนอาจไม่รู้ว่า แคนนอนเป็นแบรนด์พรินเตอร์ที่มีสาขาให้บริการมากที่สุดถึง 164 แห่ง ครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งถือว่ามากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์พรินเตอร์ชั้นนำอื่น ๆ
โดยในปีนี้ แคนนอนยังมีแผนจะเพิ่มสาขาให้ได้ถึง 180 แห่ง เพื่อเพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ที่ไว้วางใจใช้พรินเตอร์แคนนอน
นอกจากนี้​ เพื่อเป็นการสื่อสารความตั้งใจของแคนนอนไปยังผู้บริโภค
แคนนอน ยัง​ได้เปิดตัวแคมเปญการตลาดประจำปี “แคนเซิลทุกเรื่องยาก ด้วยแคนนอนพรินเตอร์”
เพื่อเป็นการตอกย้ำ ดีเอ็นเอของแบรนด์ ที่ว่า “ความง่าย หรือ Simple to Use”
เพราะแคนนอน รู้ดีว่าชีวิตการทำงานและการเรียนในปัจจุบัน ก็มีความยุ่งยากมากพอแล้ว
ดังนั้น พรินเตอร์ที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคนี้ นอกจากจะต้องใช้งานง่าย
ไม่ทำให้การทำงานสะดุด ไร้ปัญหากวนใจ เพื่อให้ผู้ใช้งานรู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้จริง ๆ
งานนี้ ต้องบอกว่าแคนนอนเล่นใหญ่ สมกับเป็นแคมเปญ ที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งาน และพยายามแก้ไข Pain Point ของการใช้พรินเตอร์ในแต่ละกลุ่ม เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่ามากที่สุด
งานนี้ ถ้าถามว่า แล้วแคนนอน ตั้งใจแก้โจทย์ให้ผู้ใช้งานกลุ่มไหนบ้าง ?
คำตอบคือ 5 กลุ่ม โดยแคนนอนแยกย่อยตามลักษณะการใช้งานที่แตกต่างกัน
เริ่มจากกลุ่มแรก คือ นักเรียนนักศึกษา
Pain Point ของกลุ่มนี้ คือ งบประมาณน้อย ดังนั้นจึงต้องการลงทุนแค่ครั้งเดียว ประหยัดตลอดไป
ถัดมา คือ ผู้ใช้งานในครัวเรือน
Pain Point ของกลุ่มนี้ คือ การใช้งานมากน้อยต่างกันในแต่ละวัน ดังนั้น จึงต้องการพรินเตอร์ ที่ใช้ง่ายได้ทุกคนและคุ้มค่า
กลุ่มพนักงานบริษัท หรือสตาร์ตอัป
Pain Point ของกลุ่มนี้ คือ ความไม่คุ้นชินในการใช้งาน ดูแลยาก ซ่อมเองไม่ได้ ปัญหาเยอะ จึงมองหาพรินเตอร์ที่ใช้ง่ายไม่พอ แต่ซ่อมก็ยังง่าย
กลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก SMEs
Pain Point ของกลุ่มนี้ คือ งานพิมพ์ซับซ้อนหลายประเภท ดังนั้นจึงต้องการพรินเตอร์ที่ช่วยประหยัดเวลา และทำให้ธุรกิจง่ายขึ้น
กลุ่มสุดท้าย คือ มืออาชีพขั้นสูง
Pain Point ของกลุ่มนี้ คือ ต้องการงานพิมพ์คุณภาพสูง รองรับความหลากหลายในการพิมพ์ รวมถึงการใช้งานร่วมกับ Software อื่น ๆ และต้องใช้งานร่วมกันทั้งบริษัท แต่ที่สุดแล้วต่อให้ใช้งานแบบมือโปรแค่ไหน ก็ยังต้องการความง่ายเช่นกัน
พอได้อินไซต์ของผู้บริโภคมาตั้งต้นแบบนี้ ในปีนี้ แคนนอนจึงจัดเต็มเปิดตัวพรินเตอร์ซีรีส์ใหม่ ได้แก่
- อิงค์เจ็ทพรินเตอร์รุ่น G Series แบบ “มินิอิงค์” (G-Series - Mini Ink) รุ่น G1730, G2730 และ G3730
รองรับผู้ใช้งานกลุ่ม B2C โดยเฉพาะ รวมถึงกลุ่ม B2B ระดับต้น เช่น ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก
จุดเด่นของรุ่นนี้ คือ ช่วยลดต้นทุนค่าหมึก สะดวกสบาย สามารถเปลี่ยนหัวพิมพ์และแผ่นซับหมึกเองได้ โดยที่ยังคงได้งานพิมพ์คุณภาพดีที่คุ้มค่าสูงสุด
- อิงค์เจ็ทพรินเตอร์แบบหมึกแทงค์เพื่อธุรกิจ (Business Ink Tank) รุ่น GX3070 และ GX4070
จับกลุ่ม B2B ที่เป็นธุรกิจ SMEs หรือ Home Office ที่มีการใช้งานมากกว่าในครัวเรือน
จุดเด่น คือ มอบงานพิมพ์คุณภาพสูงขึ้น แต่ยังคงความคุ้มค่า ใช้งานและดูแลรักษาง่าย
- เลเซอร์พรินเตอร์ (Laser Printers)
ในครึ่งปีแรกของปี 2023 แคนนอนเปิดตัวเครื่องพิมพ์เลเซอร์รุ่นใหม่พร้อมกันถึง 13 รุ่น
เลเซอร์พรินเตอร์ 6 รุ่น ได้แก่ LBP121dn / LBP122dw / LBP361dw / LBP456w / LBP458x / LBP 722cx
เลเซอร์มัลติฟังก์ชัน 7 รุ่น ได้แก่ MF271dn / MF272dw / MF274dn / MF275dw / MF264dwII / MF266dnII / MF269dwII
เพื่อตอบโจทย์ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงระดับเอนเตอร์ไพรส์ โรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐบาลขนาดใหญ่
- พรินเตอร์หน้ากว้างแบบตั้งโต๊ะ (Desktop Large Format) รุ่น TC-20M
ตอบโจทย์งานพิมพ์หน้ากว้างที่จัดวางได้ในสำนักงานทุกขนาด พร้อมมอบประสิทธิภาพและความคุ้มค่าเหนือแบรนด์คู่แข่ง
เรียกได้ว่า กลยุทธ์ของแคนนอนในปี 2023 นั้นคิดมารอบด้าน ทำการบ้านมาอย่างดี
ตั้งแต่อินไซต์ และ Pain Point ของลูกค้า พัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าพรินเตอร์ครบทุกเซกเมนต์
จึงสามารถรองรับทุกความต้องการ ตั้งแต่การใช้งานในครัวเรือน ไปจนถึงองค์กรธุรกิจทุกขนาด และหน่วยงานภาครัฐได้อย่างครบครันไม่พอ
แถมยัง Supply สินค้าแบบจัดเต็ม และสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้งาน ด้วยศูนย์บริการที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า เป้าหมายการรักษาความเป็นที่หนึ่งในตลาดพรินเตอร์ของไทยที่ว่าหินนั้น
ไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ไกลเกินเอื้อม สำหรับ “แคนนอน”
อ้างอิง:
-ข่าวประชาสัมพันธ์งานแถลงข่าว “แคนนอน”
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.