ความท้าทายของ ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ

ความท้าทายของ ผงพิเศษ ตราร่มชูชีพ

9 มี.ค. 2020
ผงวิเศษ หรือผงพิเศษ ตำนานยาแต้มสิว
ที่คนเกือบทุกรุ่นต้องรู้จัก และเคยลองใช้
โดยเอามาผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อย
หรือผสมอย่างอื่น เช่น มะนาว, น้ำผึ้ง, ไข่แดง, โยเกิร์ต
แล้วทาตรงบริเวณที่เป็นสิว
ทิ้งไว้ 5 นาที หรือทาก่อนนอนทิ้งไว้
แล้วล้างออก เพี้ยง..
ผงยาจะรักษาสิวให้หายไป หรือยุบลง ทำให้หน้าเนียนใส..
นี่เป็นคำบอกกล่าวที่เราอาจเคยได้ยินมาจากคนรอบข้าง
ที่พูดถึงความมหัศจรรย์ของผงพิเศษนี้
แล้วผงพิเศษ มีความพิเศษจริงแค่ไหน ?
ผงพิเศษ มีส่วนผสมหลักเป็น ซัลฟานิลาไมด์ 99.3%
ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มยาปฏิชีวนะ มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
และแทนนิน 0.4% มีฤทธิ์ทำให้แผลสิวแห้ง
ส่วนผสมดังกล่าว ทำให้ผงพิเศษเป็นยาแผนโบราณที่เอาไว้ใช้สำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียต่างๆ
โดยเฉพาะแบคทีเรียที่ทำให้เกิดหนอง เช่น
แผลพุพอง, แผลไฟไหม้, แผลสด, แผลติดเชื้อ, แผลสิว
แต่คุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ ผงพิเศษ โด่งดังเป็นพลุแตก คือการเป็นยาแต้มสิว
โดยใช้แต้มสิวอักเสบ สิวหนอง
จากผลลัพธ์ ซึ่งเห็นผลได้ดีเกินคาด บวกกับราคาที่ถูก ตกซองละไม่กี่บาท
จึงเกิดปรากฏการณ์ คนบอกกันปากต่อปาก
และจากรุ่นสู่รุ่น..
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องหมายเหตุว่า การที่มีส่วนผสมเป็นซัลฟานิลาไมด์
ซึ่งบางคนอาจมีอาการแพ้สารชนิดนี้
ทำให้ได้ผลลัพธ์ตรงกันข้าม เกิดสิวผุดขึ้นจำนวนมากแทน..
ผู้ให้กำเนิดผงพิเศษ คือคู่สามีภรรยา
ดร.สมเกียรติ และคุณสมจิตต์ ศุภโกวิท
โดยพวกเขาเริ่มกิจการค้าขายยาสมุนไพรมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2490
คุณสมเกียรติ ทำหน้าที่พัฒนาคิดค้นสูตร และปรุงยา
ส่วนคุณสมจิตต์ ตักยาใส่ซอง และบรรจุกล่อง
ผงพิเศษ ทำตลาดมาแล้วกว่า 70 ปี
ผู้คนหลายช่วงอายุ ต่างได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม
แล้วผลประกอบการในช่วงนี้ของบริษัทเป็นอย่างไร ?
บริษัท ผงพิเศษตราร่มชูชีพ จำกัด
ปี 2559 มีรายได้ 66 ล้านบาท กำไร 6 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 57 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 45 ล้านบาท กำไร 3 ล้านบาท
บริษัท สมจิตต์โอสถ จำกัด
ปี 2559 มีรายได้ 57 ล้านบาท กำไร 14 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 51 ล้านบาท กำไร 10 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 37 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท
รายได้และกำไรของทั้งสองบริษัท มีการชะลอตัว
อาจเป็นเพราะความนิยมและสนใจในตัว ผงพิเศษ กำลังลดน้อยลง
คนอายุมาก หรือผู้ใหญ่ที่อดีตเคยใช้ผงพิเศษเป็นประจำ
พอโตขึ้น ก็ไม่ค่อยเป็นสิวกันแล้ว เลยอาจไม่เป็นจำต้องใช้
ส่วนคนรุ่นใหม่ ถึงแม้จะเคยได้ยินชื่อผงพิเศษ
แต่ก็อาจไม่ได้มองว่าผลิตภัณฑ์นี้ “พิเศษ” เหมือนคนรุ่นก่อนๆ
เพราะทุกวันนี้มีผลิตภัณฑ์รักษาสิวใหม่ๆ ทั้งจากในและต่างประเทศออกสู่ตลาด
เช่น Clinda-M, Smooth-E, Dr.Somchai เป็นตัวเลือกให้ซื้อใช้
ซึ่งยาแต้มสิวปัจจุบันในตลาด ส่วนใหญ่จะมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัย
และออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานได้สะดวก
สามารถใช้แต้มสิวได้ทันที ไม่ต้องฉีกซอง ผสมน้ำให้ยุ่งยาก และไม่ต้องกลัวเลอะเทอะ
ส่วนเรื่องการตลาด เช่น ช่องทางการจำหน่าย, ชื่อแบรนด์, พรีเซ็นเตอร์
แบรนด์ต่างๆ ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์ดึงดูด และเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มากกว่า
เรื่องทั้งหมดเลยอาจทำให้ คนรุ่นใหม่มองผงพิเศษ ว่าเป็นสินค้าโบราณ ไม่น่าหยิบมาใช้
นอกจากนี้ ยังมีคนบางกลุ่มที่อยากสวยหล่อแบบทันใจ
และวางใจผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะมากกว่า
เลยเลือกไปใช้บริการที่คลินิกความงาม แทนที่จะซื้อยาแต้มสิวในตลาดมาใช้เอง
ซึ่งไม่ว่าจะปัจจัยเรื่องอะไร
แต่ที่สรุปได้คือ ผงพิเศษ กำลังเจอความท้าทาย
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ผงพิเศษ จะแก้เกม และกลับมาพลิกฟื้นธุรกิจได้ด้วยวิธีไหน
แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็ได้ให้คติเตือนใจแก่คนทำธุรกิจว่า
ถึงแบรนด์ หรือผลิตภัณฑ์ จะอยู่ทำตลาดมานาน จนกลายเป็น “ตำนาน” ที่ใครๆ ก็ต่างพูดถึง
แต่ในโลกธุรกิจ ตำนานจะอยู่ต่อไป เจ้าของตำนานก็ต้องปรับตัวด้วยเช่นกัน
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.