ราคาน้ำมันดิ่ง กระทบส่งออกไทย

ราคาน้ำมันดิ่ง กระทบส่งออกไทย

10 มี.ค. 2020
เมื่อวานนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ระดับ 32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ปรับตัวลงจากวันศุกร์ที่ 6 มีนาคม 2563
จาก 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หรือปรับลดลงกว่า 35%
ทำให้ตลาดน้ำมัน และตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างรุนแรง
ซึ่งราคาน้ำมันที่ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว เปรียบเสมือนเหรียญสองด้าน ที่จะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ต่อเศรษฐกิจไทย
ในด้านบวก จะทำให้ไทย ซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธิ ประหยัดเงินในการนำเข้าน้ำมันดิบได้บางส่วน
โดยในแต่ละปีไทยนำเข้าน้ำมันดิบเกือบ 7 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการก็จะมีต้นทุนการผลิตลดลง โดยเฉพาะต้นทุนค่าขนส่ง
ขณะที่ผู้บริโภคก็จะมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น จากรายจ่ายด้านพลังงานที่ลดลง ซึ่งจะหนุนให้อุปสงค์ในประเทศกระเตื้องขึ้น
ส่วนในด้านลบ ราคาน้ำมันที่ลดลงอาจบั่นทอนการส่งออกสินค้าและบริการของไทยในหลายมิติ ได้แก่
-การส่งออกไปประเทศที่พึ่งพารายได้จากการส่งออกน้ำมัน โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ OPEC และรัสเซีย
ซึ่งไทยส่งออกคิดเป็นสัดส่วนรวมกันราว 3% ของมูลค่าส่งออกรวม
หากราคาน้ำมันลดต่ำลง ก็เท่ากับว่าประเทศเหล่านี้มีรายได้ลดลง
กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของกลุ่มประเทศข้างต้นชะลอลง
ทั้งนี้ สินค้าส่งออกที่ไทยพึ่งพาตลาด OPEC และรัสเซียสูง ได้แก่ รถยนต์ ผลิตภัณฑ์ยาง ข้าว เครื่องปรับอากาศ ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เป็นต้น
-การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับ ราคาน้ำมันถูกกดดันต่อเนื่อง อาทิ น้ำมันสำเร็จรูป เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์ยาง และเม็ดพลาสติก มีแนวโน้มชะลอลง
กลุ่มสินค้าดังกล่าวมีสัดส่วนรวมกันราว 15% ของมูลค่าส่งออกรวม
ทั้งนี้ นอกจากราคาน้ำมันที่ลดลงจะส่งผลกระทบต่อ Margin ของการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวแล้ว ในด้านปริมาณก็ยังคงถูกกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงจากผลกระทบของ COVID-19
โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นตลาดส่งออกสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับราคาน้ำมันอันดับ 1 ของไทยอีกด้วย
-การส่งออกสินค้าเกษตร อาจได้รับผลกระทบทางอ้อม เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวมักเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน โดยเฉพาะยางพารา
โดยปัญหาดังกล่าวจะเข้ามาซ้ำเติมภาวะอุปทานยางพาราล้นตลาดในปัจจุบันมากขึ้นไปอีก
-การท่องเที่ยว จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวตะวันออกกลางและรัสเซียซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว 10% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในไทยอาจลดลง
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายจ่ายเฉลี่ยต่อหัวสูง และเป็นกลุ่มลูกค้าอันดับ 1 ที่เข้ามาใช้บริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (Medical Tourism) ในประเทศไทย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจซ้ำเติมภาคการท่องเที่ยวที่ปัจจุบัน ก็ได้รับผลกระทบอย่างมากจาก COVID-19 ที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนซึ่งมีสัดส่วนกว่า 1 ใน 3 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง
อ้างอิง : ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย 
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.