ASW ปักธงความสำเร็จครึ่งปีแรก 66 โชว์ยอดขายแข็งแกร่งสูงถึง 7,169 ล้านบาท เดินหน้าลุยแผนครึ่งปีหลัง เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท

ASW ปักธงความสำเร็จครึ่งปีแรก 66 โชว์ยอดขายแข็งแกร่งสูงถึง 7,169 ล้านบาท เดินหน้าลุยแผนครึ่งปีหลัง เตรียมเปิด 5 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท

3 ก.ค. 2023
บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศความสำเร็จครึ่งปีแรก 2566 ทำยอดขาย (Pre-sale) รวมสูงถึง 7,169 ล้านบาท ตอกย้ำความแข็งแกร่งในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฐานะผู้นำตลาด Campus Condo และไลฟ์สไตล์คอนโดมิเนียม
เดินหน้าขับเคลื่อนตามแผนครึ่งปีหลัง เปิดตัวโครงการใหม่รวม 5 โครงการ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท พร้อมขยายพอร์ตบ้านแนวราบ เปิดตัวบ้านเดี่ยว 3 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ มั่นใจทุบสถิติเป้าหมายยอดขายทั้งปี 15,000 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยในครึ่งปีแรก เผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง (Real Demand) ยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว
ซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของแอสเซทไวส์ที่มุ่งเน้นตลาดคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์คนทำงานในเมือง (City Condo) ที่ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง และตลาดคอนโดฯ รอบสถานศึกษา (Campus Condo) ที่มีความต้องการสูง ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก 2566  (ม.ค.-มิ.ย.) บริษัทฯ สามารถทำยอดขายรวม (Pre-sale) ได้สูงถึง 7,169 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมาย 15,000 ล้านบาทในปีนี้
ทั้งนี้ ยอดขายดังกล่าวมาจากแผนขับเคลื่อนธุรกิจในครึ่งปีแรกจากการเปิดตัวโครงการใหม่รวม 7  โครงการ มูลค่าโครงการรวม 11,860 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการเคฟ ป็อป ศาลายา  (Kave Pop Salaya), เคฟ โคโค่ บางแสน (Kave Coco Bangsaen), แอทโมซ พาลาซิโอ ลาดพร้าว-วังหิน (Atmoz Palacio Ladprao-Wanghin) โมดิซ วอลท์ เกษตร-ศรีปทุม (Modiz Vault Kaset Sripatum)
เคฟ เอ็มบริโอ รังสิต (Kave Embryo Rangsit), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave  Town Island) และแอทโมซ ซีซั่น ลาดกระบัง (Atmoz Season Ladkranbang) ซึ่งทุกโครงการของบริษัทฯ ล้วนได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง และกลุ่มผู้ต้องการลงทุนคอนโดฯ เพื่อรับผลตอบแทน
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า การดำเนินงานในครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนแผนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมาย โดยได้เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 5 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 11,000 ล้านบาท
และเพื่อเป็นการขยายพอร์ตบ้านในแนวราบให้มีสัดส่วนรายได้ที่เพิ่มขึ้น บริษัทฯ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวถึง 3 โครงการ และคอนโดฯ 2 โครงการ ประกอบด้วย
1) โครงการดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ระดับลักชัวรี่ พร้อม Pool Villa ส่วนตัวทุกหลัง โดดเด่นด้วย 2 คลับเฮาส์ขนาดใหญ่ พื้นที่รวม 2,000 ตารางเมตร ได้แก่ Social club สำหรับรับรองแขกที่มาเยือน และ Residential club เฉพาะผู้พักอาศัยเพื่อความเป็นส่วนตัว
โดยบ้านทุกหลังยังมี Pool Villa ส่วนตัวพร้อมลิฟท์ทุกหลัง ราคาเริ่ม 40-60 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างในเดือน ก.ค. นี้
2)  โครงการดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueang – Chaengwatthana) บ้านเดี่ยวราคา 12-20 ล้านบาท จำนวน 76 หลัง มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท
3) โครงการ ดิ อาเบอร์ รามอินทรา-วัชรพล (The Arbor Ramintra-Watcharapol) บ้านเดี่ยวราคา 9-20 ล้านบาท จำนวน 115 หลัง มูลค่าโครงการ 1,420 ล้านบาท
4) โครงการโมดิซ อาวองการ์ด  (Modiz Avantgarde) จำนวน 751 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท
5) โครงการเคฟ วันเดอร์แลนด์ (Kave Wonderland) จำนวน 1,424 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,550 ล้านบาท  ทั้งนี้จากแผนงานดังกล่าวบริษัทฯ มั่นใจจะสามารถทำยอดขายที่ 15,000 ล้านบาทได้อย่างแน่นอน
“ทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศครึ่งปีหลัง แม้ว่าจะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ แต่ก็มีปัจจัยเกื้อหนุนที่สำคัญอยู่หลายประการ อาทิ การปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยในปีนี้จากเดิมร้อยละ 3.4 เป็นร้อยละ 3.9 จากการฟื้นตัวได้ดีของภาคท่องเที่ยวและภาคบริการ
โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2566 นี้จะอยู่ที่ 30 ล้านคน และจะกลับไปแตะระดับก่อนเกิดโควิด 19 ได้ในช่วงปลายปี 2567
รวมถึงการบริโภคของภาคประชาชนที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้น ซึ่งก็ส่งผลดีกับตลาดคอนโดฯ Affordable โดยเฉพาะกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ที่คาดว่ายังคงมีความต้องการจากผู้ซื้อตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ จากปัจจัยที่ต้องการการเดินทางที่สะดวก ใกล้เมือง ใกล้แหล่งงาน และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
รวมถึงตลาดทาวน์เฮาส์ บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่ยังมีความต้องการอยู่ตลอด” นายกรมเชษฐ์ กล่าว
อนึ่ง ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness”
ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 50 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 55,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 37 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 13 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 12,500 ล้านบาท
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.