GC พลิกทำกำไรในไตรมาส 3/2566 ตอกย้ำกลยุทธ์ 3 Steps Plus ที่เข้มแข็ง

GC พลิกทำกำไรในไตรมาส 3/2566 ตอกย้ำกลยุทธ์ 3 Steps Plus ที่เข้มแข็ง

14 พ.ย. 2023
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC พลิกสถานการณ์ในไตรมาสที่ 3/2566 ทำกำไรสุทธิ 1,427 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จของการยึดมั่นกลยุทธ์ 3 Steps Plus และมาตรการภายในที่เข้มแข็งและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้น ผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ ช่วยขับเคลื่อนองค์กรท่ามกลางสถานการณ์ธุรกิจเคมีภัณฑ์ทั่วโลกที่ยังไม่แน่นอน
ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กล่าวว่า
“ปี พ.ศ. 2566 นับเป็นอีกหนึ่งปีของความท้าทายสำหรับทุกกลุ่มอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา GC มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นและสามารถรายงาน Adjusted EBITDA ที่ 12,307 ล้านบาท ที่ผ่านมา GC มีการคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าและดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องตลอด 3-4 ปี และจากการยึดหลักกลยุทธ์ 3 Steps Plus ได้แก่
Step Change การยกระดับความสามารถในการแข่งขัน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์
Step Out การแสวงหาโอกาสการเติบโตในธุรกิจใหม่ หรือในต่างประเทศ โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา GC ประกาศชัดถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon ซึ่งคำว่า High Value มีความหมายชัดเจนว่า ผลิตภัณฑ์ของเราต้องมีคุณค่าต่อผู้ใช้งาน เช่นใช้งานคงทน ปลอดภัย รวมถึงการเพิ่มความสามารถในการทำกำไร (Quality of Earning) ส่วน Low Carbon หมายถึงการ   พัฒนาทุกผลิตภัณฑ์ของเราต้องคำนึงถึงการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มากที่สุด
Step Up การสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ โดยมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี พ.ศ.2593 ซึ่งบริษัทฯ มีการดำเนินงานที่ชัดเจนผ่าน 3 เสาหลัก ได้แก่
1) Efficiency-Driven ยกระดับความสามารถในการแข่งขันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกกระบวนการผลิต ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการใช้พลังงาน
และเปลี่ยนมาใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด 146 โครงการ ซึ่งสามารถ ช่วยลดการใช้พลังงานลงทั้งหมด 1,794,045 จิกะจูลต่อปี และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 133,722 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
2) Portfolio-Driven การบริหารพอร์ตโฟลิโอธุรกิจและผลิตภัณฑ์ของ GC Group ผ่านนวัตกรรมและการลงทุน มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon ใน Performance Chemical ด้วยการลงทุนใน allnex สามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 600-780 กิโลตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
และ Circularity and Recycle ด้วยการลงทุนในบริษัท ENVICCO ผลิตเม็ดพลาสติก รีไซเคิลระดับ Food Grade ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากล ปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำในกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มได้นำไปผลิตเป็นบรรจุภัณฑ์แล้ว
หมายเหตุ: ความคืบหน้าโครงการเริ่มต้นปี พ.ศ.2565-30 มิถุนายน 2566
3) Compensation-Driven เป็นการผลักดันเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero โดยการลงทุนในเทคโนโลยี Carbon Capture Utilization & Storage หรือ CCUS ผ่านแนวทางต่างๆ ได้แก่ Corporate Venture Capitals การสร้างพันธมิตรและการร่วมทุนทางธุรกิจ เพื่อนำคาร์บอนมาทำเป็นเคมีภัณฑ์ใหม่ๆ
ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและวิจัย อีกทั้งดำเนินงานด้าน Nature-Based Solutions โดยการปลูกป่าเพื่อลดคาร์บอน ทั้งป่าบนบกและป่าชายเลน
GC ยังพร้อมมุ่งสู่อนาคตด้วยการทำ Organization & Digital Transformation เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันและความพร้อมในการเติบโต
ประกอบกับปัจจัยสนับสนุนต่างๆ อาทิ ผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นจากหลากหลายกลุ่มธุรกิจ การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และค่าการกลั่นเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 12.60 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลให้เราสามารถพลิกสถานการณ์และฝ่าด่านความท้าทายของเศรษฐกิจโลกได้”
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานปกติ 1,614 ล้านบาท โดยรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นจากการดำเนินงานปกติ ได้แก่ ผลกำไรจากสต๊อกน้ำมันและรายการกำไรจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (Stock Gain Net NRV) รวม 3,674 ล้านบาท ส่งผลให้ในไตรมาส 3/2566 
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,427 ล้านบาท (0.32 บาท/หุ้น) โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตของกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์โพลิเมอร์และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ นอกจากนี้ ธุรกิจโมโนเอทิลีนไกลคอลยังกลับมาดำเนินการ
ผลิตเป็นปกติหลังจากหยุดซ่อมบำรุงตามแผนในช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้เริ่มการดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) จึงช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารต้นทุนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ความก้าวหน้าการดำเนินงานด้านความยั่งยืน : GC ได้รับการประเมิน
หุ้นยั่งยืน SET ESG Ratings ประจำปี 2566 ที่ระดับ AAA รางวัลเกียรติยศด้านความยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย 5 ปีซ้อน ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดด้วยคะแนนรวม 90-100
รางวัล Platinum ระดับสูงสุดจาก Ecovadis ผู้ประเมินความยั่งยืนของธุรกิจที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ในมิติแรงงานและสิทธิมนุษยชน จรรยาบรรณธุรกิจ  และการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน
ดัชนีชี้วัดความยั่งยืน CDP โดยGC เป็นบริษัทแรกและบริษัทเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการจัดอันดับ A การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงได้เป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับสูงสุด (LEAD) ของโลกจาก UN Global Compact Lead
ล่าสุดได้ตอกย้ำศักยภาพการเป็น Sustainability Thought Leader จากการจัดงาน GC Sustainable Symposium 2023: We are GEN S ซึ่งเป็นเวทีแบ่งปันองค์ความรู้ด้านความยั่งยืนในหลากหลายอุตสาหกรรม
โดยมีผู้ชมการถ่ายทอดสดผ่าน LIVE ใน 125 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังได้ต่อยอดธุรกิจเพื่อก้าวสู่การเป็น “องค์กรคาร์บอนต่ำ” และเพิ่ิมโอกาสในการร่วมงานกับพาร์ตเนอร์ใหม่ๆ ที่สำคัญ
“ความสำเร็จของ GC ไม่เพียงตอกย้ำการเป็นองค์กรชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อโลก แต่ยังสะท้อนถึงความร่วมมือของคณะผู้บริหารและบุคลากรทุกคนที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนการเติบโตให้กับองค์กร
ควบคู่ไปกับการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน รวมถึงการสร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดย GC มุ่งสู่ธุรกิจ High Value and Low Carbon สอดคล้องกับเป้าหมายใหญ่ของ GC ในการเป็น Net Zero Company ในปีพ.ศ.2593” ดร.คงกระพัน กล่าวสรุป
Tag:GC
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.