เบื้องหลังการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ “ไทยออยล์” เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

เบื้องหลังการทรานส์ฟอร์มธุรกิจของ “ไทยออยล์” เพื่อมุ่งสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืน

3 เม.ย. 2024
ความฝันขับเคลื่อนด้วยอะไร ?
คำถามง่าย ๆ แต่ชวนให้ฉุกคิดไม่น้อยจากหนังโฆษณาตัวใหม่ของ “ไทยออยล์” 
ที่เล่าถึงเรื่องราวของหลาย ๆ ความฝัน ที่ไปถึงจุดหมายได้ เพราะมีคนที่รักหลายคนอยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุน
เช่นเดียวกับ “ไทยออยล์” ที่พร้อมเป็นพลังเล็ก ๆ ในการขับเคลื่อนทุกความฝันของทุกๆ คนไปสู่จุดหมาย
ด้วยการมุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมอยู่เบื้องหลัง 
เพื่อให้ทุกความฝันขับเคลื่อนได้อย่างมั่นคง โดยที่หลายคนอาจจะไม่รู้ตัว
เพราะหาก ลองสำรวจดี ๆ จะพบว่าผลิตภัณฑ์ของไทยออยล์นั้นอยู่รอบตัวเรามากมาย เช่น 
- น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล ตามมาตรฐานยูโร 5 ช่วยลดมลพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- สารตั้งต้นสำหรับผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด เช่น น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก
- เคมีภัณฑ์ขั้นต้นในการผลิตเส้นใยสังเคราะห์ ที่นำมาทำเป็นเสื้อผ้า และผลิตภัณฑ์สิ่งทอ
ซึ่งทุกๆคน ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้อยู่ทุกวันโดยไม่รู้ตัว
หลายคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ หรือมีโอกาสได้ดูหนังโฆษณาเรื่องใหม่แล้ว
อาจจะสงสัยว่า “ไทยออยล์” เข้ามาเป็นส่วนเล็ก ๆ ในการช่วยขับเคลื่อนทุกความฝันอย่างไร ?
คำตอบของเรื่องนี้ ต้องย้อนไปสู่วิสัยทัศน์ของไทยออยล์ ที่มุ่ง “สร้างสรรค์คุณภาพชีวิต ด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน” หรือ “Empowering Human Life through Sustainable Energy and Chemicals”
ปัจจุบัน นอกจากไทยออยล์จะผลิตและจำหน่ายนํ้ามันปิโตรเลียมสำเร็จรูป ยังขยายการลงทุนครอบคลุมถึงธุรกิจปิโตรเคมีธุรกิจผลิตสารตั้งต้นสำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์สารทำความสะอาด ธุรกิจสารทำละลาย ธุรกิจไฟฟ้า ธุรกิจเอทานอล และแสวงหาโอกาสทางธุรกิจที่เป็น New S-Curve เพื่อตอบสนองกับ Megatrend ของโลกไปด้วย
เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้ไทยออยล์ต้องปรับแผนกลยุทธ์ ก็เพื่อพาตัวเองไปสู่การเติบโตในน่านน้ำใหม่ ๆ 
และสร้างความยืดหยุ่นให้กับการดำเนินธุรกิจ รวมถึงบริหารความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนและความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะทิศทางของเทรนด์โลก ที่นาทีนี้ ถนนทุกสายต่างมุ่งสู่ความยั่งยืน
โดยไทยออยล์ มีเป้าหมายสัดส่วนของของกำไรในปี 2030 ดังนี้
- ธุรกิจปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงของปิโตรเลียม 45% (ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 70%)
- ธุรกิจปิโตรเคมีและผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงของปิโตรเคมี 30%
- ธุรกิจใหม่ (New S-Curve) 20%
- ธุรกิจไฟฟ้า 5%
และไทยออยล์มีแผนกลยุทธ์ 3Vs ที่จะผลักดัน เร่งรัดการขับเคลื่อนธุรกิจ ประกอบด้วย
1. Value Maximization 
มุ่งสร้างประโยชน์จากพื้นฐานที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุดผ่านโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project หรือ CFP) และสร้างคุณค่าเพิ่มจาการลงทุนธุรกิจโอเลฟินส์ ในบริษัท PT Chandra Asri Petrochemical Tbk (CAP) ผู้ผลิตปิโตรเคมีชั้นนำของประเทศอินโดนีเซีย เพื่อก้าวข้ามไปสู่ธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย และโอกาสสร้างการเติบโตทางธุรกิจอื่นๆ ในตลาดอินโดนีเซียที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง
2. Value Enhancement 
การบูรณาการห่วงโซ่คุณค่าร่วมกันภายในกลุ่มไทยออยล์ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้ตลาดในประเทศและขยายตลาดไปยังประเทศเป้าหมายในภูมิภาค รองรับการกระจายผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไทยออยล์ ผ่าน บริษัท TOPNEXT ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายและทำการตลาดผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไทยออยล์
3. Value Diversification 
ขยายการลงทุนไปยังธุรกิจใหม่ ๆ ที่เป็น New S-Curve ที่สอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจในอนาคต  
โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีมูลค่าสูง (HVB) เช่น ธุรกิจสารเคมีสำหรับยับยั้งและกำจัดเชื้อโรค และสารลดแรงตึงผิวที่ใช้ในอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด (Disinfectant & Surfactants) และธุรกิจใหม่ที่มุ่งเน้นด้านเทคโนโลยีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพ  รวมถึงการสร้างรายได้ที่มั่นคงจากธุรกิจไฟฟ้า ผ่านการดำเนินการของโรงไฟฟ้า TOP SPP ของกลุ่มไทยออยล์ และสร้างการเติบโตผ่านการลงทุนในบริษัท GPSC ซึ่งเป็น Flagship ด้านโรงไฟฟ้าในกลุ่ม ปตท.
เพื่อขับเคลื่อนไทยออยล์ไปสู่ TOP for the GREAT FUTURE ไทยออยล์ใช้แนวทางดำเนินงานที่เรียกว่า “TOP” ซึ่งประกอบด้วย
T (Transformation) : ปรับโฉมองค์กรในทุกมิติ ทั้งเรื่องธุรกิจ พัฒนาคนและองค์กร นวัตกรรม การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานหรือกระบวนการทำงาน (Digitalization) และการเงิน เพื่อให้พร้อมสำหรับธุรกิจในอนาคต
O (Operational to Business Excellence) : ยกระดับสู่ระบบการบริหารธุรกิจเชิงบูรณาการเพื่อความเป็นเลิศ (Business excellence) ด้วยเทคโนโลยีและระบบงานที่เป็นระดับสากล รวมถึงทีมงานมืออาชีพ
P (Partnership & Platform) : การสร้างการเติบโตด้วยแนวทางความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อสร้างแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่สำคัญทั้งในและต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการด้านความยั่งยืนก็เป็นอีกหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจของไทยออยล์
โดยไทยออยล์ได้มีการกำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนที่เรียกว่า 3E ประกอบด้วย
- Enhance Clean Environment ยกระดับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก ซึ่งมีเป้าหมายการมุ่งสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero GHG Emission ภายในปี 2060
- Engage Society เสริมสร้างความผูกพันควบคู่กับการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนและสังคม เพื่อเติบโตร่วมกันในระยะยาว
- Ensure Good Governance การสร้างความเชื่อมั่นด้านบรรษัทภิบาลและความโปร่งใส เป็นธรรม ตรวจสอบได้ และมีจริยธรรม ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ขณะที่ยังคงความยืดหยุ่นคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
ที่น่าภูมิใจคือ แม้ว่าไทยออยล์จะเจอความท้าทายหลากหลาย เช่น การเปลี่ยนผ่านพลังงาน เทรนด์การใส่ใจสิ่งแวดล้อม ก็ยังสามารถบริหารจัดการความยั่งยืนได้อย่างมีประสิทธิภาพรอบด้านในระดับสากล
สะท้อนได้จากการที่ไทยออยล์ได้รับการรับรองเป็นสมาชิก Dow Jones Sustainability Indices ต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 และได้รับคะแนนประเมินสูงสุดของอุตสาหกรรมการตลาดและการกลั่นน้ำมันและก๊าซเป็นปีที่ 8 
นับได้ว่าไทยออยน์ถือเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่มีแนวคิดในการบริหารธุรกิจที่น่าสนใจมาก ในยุคที่กำลังเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน (Energy Transition) นอกจากจะให้ความสำคัญกับการเติบโตของธุรกิจที่สอดคล้องไปกับเทรนด์โลก
ที่สำคัญคือ ความมุ่งมั่นของไทยออยล์ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่อยู่รอบตัวเรา
เพื่อเป็นพลังเล็ก ๆ ในการขับเคลื่อนทุกคนไปสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนนั่นเอง
#ไทยออยล์  #สร้างสรรค์คุณภาพชีวิตด้วยพลังงานและเคมีภัณฑ์ที่ยั่งยืน #พลังที่ขับเคลื่อนทุกความฝัน
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.