กสศ. เปิดแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” รวมพลังหุ้นส่วนการศึกษาช่วยเด็กหลุดระบบการศึกษา ยกระดับการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นทั่วประเทศ

กสศ. เปิดแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” รวมพลังหุ้นส่วนการศึกษาช่วยเด็กหลุดระบบการศึกษา ยกระดับการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นทั่วประเทศ

6 มิ.ย. 2025
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการภาคเอกชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” เพื่อขับเคลื่อนแนวทางการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นที่สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ชีวิตของเด็กและเยาวชนไทยโดยเฉพาะกลุ่มที่หลุดจากระบบการศึกษาจำนวนกว่า 880,000 คนมุ่งเน้นการเปลี่ยนแนวคิดของการศึกษาไทยจาก “โรงเรียนคือที่เรียนรู้” สู่ “ทุกที่สามารถเป็นพื้นที่เรียนรู้ได้” โดยมีเป้าหมายสำคัญคือรองรับและส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กหลุดจากระบบผ่านการศึกษาที่ยืดหยุ่นทั้งเวลาสถานที่และรูปแบบที่ร่วมกันในการสร้างโอกาสทางการศึกษาไม่ปล่อยให้เด็กคนใดต้องเดินออกจากระบบโดยลำพัง
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) จัดงานแถลงข่าว และกิจกรรมเปิดตัวแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” ณ ลานกิจกรรม ชั้น G ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ พร้อมชวนภาคีเครือข่าย ภาครัฐ เอกชน ชุมชน และสื่อมวลชน รู้จัก และร่วมสร้าง “โรงเรียนในความหมายใหม่ ” ที่ออกแบบขึ้นเพื่อรองรับเด็กและเยาวชนที่หลุดจากระบบการศึกษา ให้สามารถกลับมาเรียนรู้ในบริบทที่เหมาะสมกับชีวิตของตนเองได้
ดร.ณหทัยทิวไผ่งามผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนนอกระบบการศึกษา (Thailand Zero Dropout) ระดับชาติ กล่าวว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับปัญหา “เด็กหลุดจากระบบการศึกษา” อย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายชัดเจนภายใต้หลักการ “ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” หนึ่งในแนวนโยบายสำคัญที่รัฐบาลมุ่งผลักดันคือ “พระราชบัญญัติการเรียนรู้ตลอดชีวิต” เพื่อเปิดทางให้ประชาชนทุกกลุ่ม ทุกช่วงวัย สามารถเข้าถึงการศึกษาและการเรียนรู้ได้ในทุกรูปแบบ ทุกสถานที่ และตลอดชีวิต  ซึ่งแนวทางนี้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ที่วางหลักไว้ว่า “ทุกคนสามารถจัดการศึกษาได้”  โดยไม่จำกัดอยู่เพียงแค่ในโรงเรียนหรือในระบบราชการเท่านั้น แนวคิด “ทุกที่คือโรงเรียน ทุกคนเป็นครูได้” เน้นการขยายขอบเขตการเรียนรู้ออกจากห้องเรียนสู่ชีวิตจริง เปิดโอกาสให้ชุมชน องค์กรปกครองท้องถิ่น ภาคเอกชน หรือแม้แต่ครอบครัว มีบทบาทในการจัดการศึกษาและสนับสนุนผู้เรียนได้โดยตรง ตอบโจทย์การศึกษายืดหยุ่น และการเรียนรู้ตลอดชีวิตอย่างแท้จริง
ดร. สิริพงศ์อังคสกุลเกียรติ  ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวถึง ความสำคัญของการจัดการการศึกษายืดหยุ่นตามยุทธศาสตร์ของกระทรวงศึกษาธิการ และความร่วมมือกับ กสศ. (กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการตอบโจทย์ปัญหา "เด็กหลุดจากระบบ" หรือ "เด็กนอกระบบการศึกษา" ซึ่งสะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำและข้อจำกัดในระบบการศึกษาแบบเดิม โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กยากจน เด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือกลุ่มเปราะบางอื่น ๆ ที่มักเข้าไม่ถึงการศึกษาอย่างมีคุณภาพ  ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับ กสศ. ได้ดำเนินแคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” โดยมุ่งสร้างนวัตกรรมและกลไกใหม่ ๆ ในการดึงเด็กกลับเข้าสู่ระบบ และสนับสนุนการเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น พร้อมแนวทางการจัดการศึกษาหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องธนาคารหน่วยกิต (Credit Bank) การพาน้องกลับมาเรียน หรือการนำการศึกษาไปหาเด็ก ๆ  เพื่อช่วยลดจำนวนเด็กหลุดจากระบบ โดยเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมีทักษะชีวิตและอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาในระยะยาว
ดร.ไกรยสภัทราวาทผู้จัดการกสศ. เล่าถึงความสำคัญของแคมเปญนี้ว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษาในประเทศไทยในปัจจุบัน ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา โดยมีจำนวนกว่า 880,463 คน ในช่วงอายุระหว่าง 3–24 ปี แม้ตัวเลขนี้จะลดลงจากปี 2567 ที่มีอยู่ราว 1.02 ล้านคน แต่ยังคงเป็นจำนวนที่ สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในระบบการศึกษา ทั้งในด้านความเหลื่อมล้ำ โอกาสในการเข้าถึงการศึกษา และการสนับสนุนที่ไม่ทั่วถึง จากผลการสำรวจโดย กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) พบว่า เยาวชนส่วนใหญ่ที่หลุดจากระบบ ไม่มีเป้าหมายทางการศึกษาและอาชีพที่ชัดเจน โดยในกลุ่มตัวอย่างจำนวน 29,452 คน  ร้อยละ 78.23 ระบุว่า ไม่มีแผนการศึกษาหรืออนาคตทางการศึกษา  ร้อยละ 49.42 แสดงความต้องการเรียนรู้เพื่อ พัฒนาทักษะอาชีพ มากกว่าการเรียนแบบวิชาการตามระบบดั้งเดิม ผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการ ออกแบบระบบการศึกษาที่ยืดหยุ่น และสามารถตอบสนองต่อบริบทชีวิตของผู้เรียน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง ทั้งในด้านรูปแบบการเรียนรู้ ทักษะอาชีพ และช่องทางการประกอบอาชีพในอนาคต
ดังนั้น  แคมเปญ “เพราะทุกที่คือโรงเรียน” เป็น วิสัยทัศน์ใหม่ร่วมของภาคส่วนต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาเด็กและเยาวชนหลุดจากระบบการศึกษา ด้วยรูปแบบ การเรียนรู้ที่ยืดหยุ่น (Flexible Learning) ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกสถานที่ ทุกเวลา โดยเน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ร่วมจัดการเรียนรู้ เด็กไม่จำเป็นต้องเรียนเฉพาะในโรงเรียนแบบเดิม แต่สามารถเรียนรู้ผ่านพื้นที่เรียนรู้หลากหลาย การทำมาหาเลี้ยงชีพ  กิจกรรมในชีวิตจริง บริบทของชุมชน หรือแม้แต่ในสถานประกอบการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเป็นครูได้    ทั้งนี้ ความร่วมมือของ “หุ้นส่วนการศึกษา”จากทุกภาคส่วน คือหัวใจสำคัญที่จะขยายพื้นที่การเรียนรู้ให้ครอบคลุมเด็กทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็กพิการ พ่อแม่วัยรุ่น เด็กในกระบวนการยุติธรรม เด็กในพื้นที่ห่างไกล หรือเด็กที่มีปัญหาสุขภาพ ถ้าเรายุติปัญหาเด็กหลุดจากระบบการศึกษาได้ เศรษฐกิจไทยจะโตเพิ่มขึ้นอีก 1.7% ของ GDP จากรายได้ตลอดชีวิตที่สูงขึ้นของเด็กเหล่านี้ เนื่องจากเด็กคือศักยภาพของประเทศ
ในโอกาสนี้ กสศ. ได้นำเสนอ 3 ตาข่ายการเรียนรู้หลักเพื่อรองรับเด็กหลุดจากระบบ ได้แก่ 1.) โรงเรียนที่มีการปรับให้ยืดหยุ่น เช่น 1 โรงเรียน 3 รูปแบบ  2.) การศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัยผ่านกรมส่งเสริมการเรียนรู้ และ 3.) ศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม เช่น มูลนิธิ สมาคม หรือกลุ่มอาชีพ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคนเป็นครู เป็นผู้จัดการศึกษาได้  
นอกจากนี้ ยังมีเครื่องมือสำคัญอีกหลายอย่างที่ทำงานเชิงรุก ติดตามค้นหา เพื่อนำการศึกษา การเรียนรู้ไปให้เด็กเยาวชน  เช่น กลไกตำบล,โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School, ธนาคารหน่วยกิต Credit Bank ที่ช่วยให้การเรียนรู้ทุกรูปแบบ การประกอบอาชีพสามารถเทียบโอนหน่วยกิต เชื่อมต่อกันได้ทั้งหมด
ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงเปิดงานจากตัวแทนเยาวชน ชนเผ่าชาติพันธุ์ลาหู่ และตัวแทนเด็ก และเยาวชนที่ร่วมโครงการ ยังมีเหล่าหุ้นส่วนทางการศึกษา อาทิ KFC Thailand, องค์กร Sea (ประเทศไทย), บริษัท ซีเจ มอร์ จำกัด, วงหมอลำไอดอล สำนักข่าว The Reporters และสมาคมทุเรียนใต้ ร่วมเปิดแคมเปญในครั้งนี้ โดยได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และประชาชนมาร่วมงานอย่างคับคั่ง  นอกจากนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมยังได้สัมผัสกับห้องเรียนหลากหลายรูปแบบที่เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง กสศ. และภาคีเครือข่าย ทั้งภาครัฐ เอกชน และชุมชน ภายใต้แนวคิด ทุกคนสามารถเป็นครูได้ และทุกที่คือโรงเรียน ได้แก่
● หมอลำศึกษานิวเจนเรียนไปม่วนไป  หลักสูตรสร้างโอกาส ต่อยอดความฝัน ให้เยาวชนวงหมอลำ 
● Learn to Earn : Earn to Learn   การศึกษา = ปากท้อง   ของโรงเรียน 3 รูปแบบ 
● ยกให้เลยทั้งชุมชนเพื่อเป็นโรงเรียนของเด็กนอกระบบ พลังของผู้ใหญ่ใจดี ทั้งต.หนองสนิท จ.สุรินทร์  
➔ ChickLab ห้องเรียนฟาร์มไก่ เลี้ยงก็ได้ ขายก็เก่ง 
➔ หนองสนิท BARBER  ห้องเรียน ปั้นช่างตัดผม ขวัญใจคนทั้งหมู่บ้าน
● โรงเรียนนอกกรอบ KFC  ตัวอย่างความร่วมมือกับภาคเอกชน เปลี่ยนร้านอาหารให้เป็นแหล่งเรียนรู้  สร้างโอกาสใหม่เพื่อเด็กและเยาวชนในกระบวนการยุติธรรม
● เจริญกาแฟ  ความรู้กินได้ พื้นที่สร้างทักษะธุรกิจร้านกาแฟและเบเกอรี่ ให้ลูกหลานแรงงานไร่ส้มได้ฝึกอาชีพจริงและได้วุฒิการศึกษา 
● Mobile Media Lab ห้องเรียนสื่อชายแดน หมู่บ้านกองผักปิ้ง เชียงดาว 
พื้นที่ปลอดภัยในการเรียนรู้ ของเด็ก ๆ ในพื้นที่สีแดง 
● ห้องเรียนทุ่งใหญ่ 1.3 ล้านไ่ร่  อิสรภาพในการเรียนรู้  ของเด็กๆพื้นที่ห่างไกล
ผู้จัดการ กสศ.เสริมว่า กระบวนการเรียนรู้แบบยืดหยุ่นถูกออกแบบจากความเข้าใจปัญหาเชิงลึกของเด็กและเยาวชนที่หลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งหลายคนไม่ได้ขาดความสามารถหรือความตั้งใจ หากแต่เกิดจากสถานการณ์ชีวิตที่ซับซ้อนและแรงกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม เด็กและเยาวชนจำนวนมากต้องเลือกออกจากระบบการศึกษาเพื่อทำงานหารายได้เลี้ยงดูครอบครัว ดูแลสมาชิกในครอบครัวที่เจ็บป่วยหรือเป็นผู้สูงอายุ ขาดแรงจูงใจและความเชื่อมโยงกับเป้าหมายของการศึกษา เนื่องจากระบบการศึกษาในรูปแบบเดิมยังไม่สามารถตอบสนองต่อความสนใจ หรือเป้าหมายชีวิตของผู้เรียนได้อย่างแท้จริง 
นอกจากนี้ ผู้จัดการ กสศ. ระบุว่า ปัจจุบันนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ยังไม่ครอบคลุมศูนย์การเรียนโดยสถาบันทางสังคม ยังไม่ได้รับงบประมาณอุดหนุนรายหัว หรือสิทธิประโยชน์พื้นฐาน เช่น อาหารกลางวัน นม วัคซีน หรือการตรวจสุขภาพ กสศ. จึงเสนอให้มีการสนับสนุนอย่างเท่าเทียมกับโรงเรียนในระบบ รวมถึงเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าร่วมสนับสนุนด้วยสิทธิประโยชน์ทางภาษีเหมือนโรงเรียนอื่นๆ ปกติ  แต่อย่างไรก็ตาม ผู้จัดการ กสศ. ยังแสดงความหวังถึงตัวอย่างความสำเร็จที่เกิดขึ้นแล้ว ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ  จะเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดเครือข่ายหุ้นส่วนการศึกษาเพิ่มขึ้นเท่าทวีคูณทั่วประเทศ เพื่อสามารถรองรับความต้องการที่หลากหลายของเด็กและเยาวชนที่ยังคงหลุดจากระบบการศึกษาเกือบล้านคนได้  เพราะนี่คือเรื่องฉุกเฉินเร่งด่วน สำหรับอนาคตของประเทศที่หายไป
ทั้งนี้ภาคเอกชนท้องถิ่นหรือประชาชนทั่วไปสนใจร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนารูปแบบการศึกษายืดหยุ่นหรือเป็นอาสาสมัครในโครงการ “โรงเรียนเคลื่อนที่ Mobile School”  หรือสามารถร่วมบริจาคเพื่อสนับสนุนกสศ. โดยได้รับสิทธิลดหย่อนภาษี 2 เท่าสามารถติดต่อได้ที่
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.