"สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)" เตรียมขายไอพีโอ 44 ล้านหุ้นระดมทุนลุยขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งในและต่างประเทศ

"สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)" เตรียมขายไอพีโอ 44 ล้านหุ้นระดมทุนลุยขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั้งในและต่างประเทศ

20 มิ.ย. 2025
"สกิน ลาบอราทอรี่ (SKIN)" เจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 2 แบรนด์ดัง “SKINSISTA” - “Dermie” เตรียมขายไอพีโอ 44 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai ระดมทุนขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รุกผลิตภัณฑ์กลุ่ม New S-curve โชว์จุดแข็งไร้หนี้สถาบันการเงิน มุ่งสู่ความเป็น "Growth Stock"
"ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SKIN เจ้าของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 2 แบรนด์ดัง Skinsista และ Dermie เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 44 ล้านหุ้น (มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาทต่อหุ้น) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (“APM”) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
SKIN ก่อตั้งขึ้่นเมื่อ 8 พ.ค. 2556 ด้วยความมุ่งมั่นและความฝันอย่างแรงกล้าที่จะทำธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่เกี่ยวกับความสวยความงามที่มีคุณภาพเทียบเคียงเคาน์เตอร์แบรนด์ในราคาที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ โดยได้ทำการคิดค้น, พัฒนา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง (Skin Care & Make-up) ซึ่งปัจจุบันทำการตลาดผ่าน 2 แบรนด์หลัก คือ "Skinsista" และ "Dermie"
สินค้าของ SKIN จำหน่ายผ่านหลายช่องทาง อาทิ ร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) โดยเริ่มที่ร้าน Watsons เป็นแห่งแรก จากนั้นขยายการจำหน่ายไปยังร้านสะดวกซื้อ 7-11, ร้านค้าทั่วไป (General Trade), ช่องทางออนไลน์ (E-Commerce) ผ่าน Shopee Lazada และ TikTok shop เพื่อให้ผู้อุปโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของบริษัทฯ ได้อย่างทั่วถึง สอดคล้องกับแนวคิดหลักที่ว่า “ผลิตบำรุงผิวหน้าคุณภาพสูงเทียบเคียงแบรนด์ระดับโลก เข้าถึงได้ ไม่ต้องจ่ายแพง”
ด้านกลุ่มเป้าหมายลูกค้าหลักของ Skinsista คือ วัยรุ่น, นักศึกษา และคนทำงานตอนต้น อายุระหว่าง 18 - 25 ปี และในปีนี้มีเป้าหมายขยายฐานกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติม คือ วัยทำงาน อายุ 26 - 35 ปี ส่วนของแบรนด์ Dermie เป็นแบรนด์ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีปัญหาผิวบอบบาง แพ้ง่าย ช่วงอายุตั้งแต่ 20 – 45 ปี
ปัจจุบันกลุ่มผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ แบ่งตามสัดส่วนรายได้ปี 2567 ประกอบด้วย

1.ผลิตภัณฑ์เซรั่มบำรุงผิวหน้า สัดส่วน 57.63%
2.ผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด สัดส่วน 38.54%
3.ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า สัดส่วน 1.95%
4.ผลิตภัณฑ์ครีมบำรุงผิวหน้า สัดส่วน 0.96%
5.ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ได้แก่ สเปรย์ฉีดลดสิวตามร่างกาย และเครื่องสำอาง สัดส่วน 0.92%
ตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวถูกขับเคลื้อนด้วยสินค้าใหม่ ในขณะที่ 2-3 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ Skinsista มีการออกสินค้าใหม่ปีละ 2-3 ผลิตภัณฑ์ ในปีนี้ SKIN มีแผนที่จะออกสินค้าใหม่ไม่ต่ำกว่า 8 ผลิตภัณฑ์ โดยปัจจุบันได้วางจำหน่ายไปแล้ว 4 ผลิตภัณฑ์ไม่ว่าจะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เรตินอล (Retinal Moisturizer) ในช่วงต้นปี 68 ทำให้รายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กลุ่มครีมบำรุงผิวหน้าเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเหล่านี้ถือเป็น New S-curve ที่จะต่อยอดการเติบโตในบริษัทได้อีกในอนาคต เพื่อเป้าหมายการเป็น "Growth Stock"
สำหรับเงินระดมทุน IPO ครั้งนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม และคิดค้น วิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับเครื่องสำอาง และเวชสำอางบำรุงผิวหน้าและผิวพรรณ หรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เพื่อขยายฐานผลิตภัณฑ์ และเพิ่มยอดขาย
ขณะเดียวกันจะนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายการตลาดและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้นทั้งแบรนด์หลักปัจจุบัน คือ "Skinsista" และแบรนด์ที่จะมุ่งเน้นทำการตลาดเต็มรูปแบบเพิ่มเติม คือ "Dermie" รวมถึงใช้กระตุ้นการรับรู้แบรนด์ของบริษัทฯ ผ่านการลงทุนให้ครอบคลุมช่องทางการจำหน่ายหลัก (Market Landscape) นอกจากนี้จะขยายช่องทางการจำหน่ายและฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ส่วนผลประกอบการย้อนหลัง 4 ปีล่าสุด (2564-2567) บริษัทฯมีรายได้จากการขายรวม 315.54 ล้านบาท, 282.70 ล้านบาท, 271.80 ล้านบาท และ 229.13 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่มีกำไรสุทธิ 24.42 ล้านบาท, 10.78 ล้านบาท, 16.79 ล้านบาท และ 10.67 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ในปี 2567 ที่ดูเหมือนกำไรสุทธิลดลงส่วนหนึ่งเนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เป็น one time expense เพื่อการเตรียมการ IPO ในส่วนของฐานะการเงิน SKIN เป็นธุรกิจที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินกับสถาบันการเงิน
"ชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา" ระบุว่า แผนงานในปีนี้ จะเน้นขยายธุรกิจสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น รวมถึงการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายผ่าน Beauty Store และ ขยายสู่ตลาดต่างประเทศ ตลอดจนพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ "Dermie"
ส่วนปี 2569 ทางบริษัทวางแผนจะเพิ่มไลน์ผลิตภัณฑ์ทั้งแบรนด์ Skinsista และ Dermie รวมถึง Collaboration Project ที่บริษัทเตรียมการไว้ ขณะที่ปี 2570 ขยายธุรกิจสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และ ขยายตลาดสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ครอบคลุมมากขึ้น" นายชาญวิทย์ กล่าว
#SKIN #Skinsista #Dermie #สกินแคร์  #สกินลาบอราทอรี่
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.