
สรุปวิธีเขียน Business Plan วางแผนธุรกิจ ให้ดีตั้งแต่เริ่ม ด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญ
22 มิ.ย. 2025
ถ้าพูดถึงการเริ่มต้นทำธุรกิจ สิ่งที่ต้องทำก่อนเป็นอันดับแรก ก็คือการทำ “Business Plan” หรือก็คือการวางแผนการทำธุรกิจ
เป็นกระบวนการวิเคราะห์ วางแผน และกำหนดกลยุทธ์ในการทำธุรกิจ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ ตามที่ตั้งใจไว้
รวมถึง Business Plan ยังทำหน้าที่เป็นเหมือนแผนการทำธุรกิจแบบสั้น ๆ ที่เจ้าของธุรกิจใช้นำเสนอให้กับนักลงทุน และทำให้นักลงทุนตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว ว่าจะลงทุนกับธุรกิจนี้หรือไม่
แล้วคำถามคือ Business Plan ที่ดีต้องทำอย่างไร ?
MarketThink จะอธิบายวิธีการเขียนง่าย ๆ ด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญที่ต้องมี
MarketThink จะอธิบายวิธีการเขียนง่าย ๆ ด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญที่ต้องมี
1. บทสรุปผู้บริหาร (Executive Summary)
เป็นองค์ประกอบแรก มีความสำคัญมากที่สุด เพราะช่วยทำให้นักลงทุนสามารถเข้าใจภาพรวมธุรกิจได้ในระยะเวลาสั้น ๆ และเป็นปัจจัยที่ใช้ตัดสิน ว่านักลงทุนจะอ่าน Business Plan ในส่วนอื่น ๆ ต่อหรือไม่
โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของบทสรุปผู้บริหาร ได้แก่
- ชื่อ และประเภทของธุรกิจ
- ขายสินค้า และบริการอะไร
- สถานที่ตั้ง
- รายได้ที่คาดหวัง
- เงินทุนที่ต้องใช้ หรือเงินทุนที่ต้องการ
ซึ่งจริง ๆ แล้ว บทสรุปผู้บริหาร เป็นส่วนสุดท้ายที่ต้องทำ แต่นำมาใส่ในหน้าแรก เพื่อสรุปภาพรวม และดึงดูดนักลงทุนให้เข้าใจธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว
ดังนั้น บทสรุปผู้บริหารนี้ จึงเป็นเหมือนการนำเสนอข้อมูลที่เป็น “หมัดฮุก” เลยก็ว่าได้
2. ข้อมูลภาพรวมของธุรกิจ (Company Overview)
เป็นส่วนที่จะบอกว่าธุรกิจที่ทำคืออะไร มีจุดแข็ง และเป้าหมายในระยะยาวอย่างไร เพื่อช่วยสร้างความเข้าใจเบื้องต้น และสร้างความน่าเชื่อถือ
โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของข้อมูลภาพรวมของธุรกิจ ได้แก่
- ประเภทของธุรกิจ เป็นบริษัทจำกัด บุคคลธรรมดา หรืออื่น ๆ
- รูปแบบของธุรกิจ เช่น เป็นธุรกิจสตาร์ตอัป แฟรนไชส์ หรืออื่น ๆ
- จุดเริ่มต้นของไอเดียการทำธุรกิจ เกิดขึ้นได้อย่างไร
- พันธกิจ หรือเป้าหมายหลักที่ธุรกิจตั้งใจทำ
- วิสัยทัศน์ หรือเป้าหมายในระยะยาว
- จุดเด่นทางธุรกิจ อะไรคือความแตกต่างที่ทำให้ลูกค้าสนใจ
- สถานะปัจจุบันของธุรกิจ เช่น อยู่ในระยะที่ดำเนินธุรกิจมาแล้วกี่ปี หรือเพิ่งเริ่มต้น
ที่สำคัญคือ ต้องเขียนข้อมูลธุรกิจให้ชัด กระชับ และเน้นย้ำจุดที่นักลงทุนอยากรู้ เพื่อทำให้นักลงทุนสนใจในธุรกิจให้ได้
3. การวิเคราะห์ตลาด (Market Analysis)
เป็นการแสดงให้เห็นว่าธุรกิจมีความเข้าใจตลาด กลุ่มเป้าหมาย พฤติกรรมของลูกค้า และคู่แข่งดีขนาดไหน โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของการวิเคราะห์ตลาด ได้แก่
- กลุ่มเป้าหมาย (Target Customer) โดยอาจแบ่งตาม Demographic หรือ Psychographic ก็ได้
- ขนาดของตลาด (Market Size)
- เทรนด์ของตลาด และพฤติกรรมผู้บริโภค
- การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) โดยใช้เครื่องมือ SWOT Analysis หรือ TOWS Matrix
ข้อสำคัญของการเขียนการวิเคราะห์ตลาดคือ ควรใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่น่าเชื่อถือ
เช่น สถิติจากหน่วยงานรัฐ ผลการสำรวจจริง และควรใช้ข้อมูลที่อัปเดตใหม่ล่าสุดเสมอ ไม่ควรนำข้อมูลเก่า ๆ มาใช้ เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
4. สินค้า / บริการ (Products or Services)
อธิบายสิ่งที่ธุรกิจของเราขายว่า เป็นสินค้า หรือบริการอะไร มีจุดเด่นแตกต่างจากสินค้าทั่วไปในท้องตลาดอย่างไร และสินค้านั้นช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับลูกค้าได้บ้าง
โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของข้อมูลในส่วนของสินค้า และบริการ ได้แก่
- การอธิบายคุณค่า (Value) จากธุรกิจ สินค้า หรือบริการ นำเสนอให้กับลูกค้าอย่างชัดเจน
- มีจุดเด่น หรือความแตกต่าง (Unique Selling Point หรือ USP) จากคู่แข่งอย่างไร
- แก้ปัญหา หรือ Pain Point ของลูกค้าได้อย่างไร
- แสดงให้เห็นถึงตัวอย่างของสินค้าจริง
โดยอาจมีการเสริมความรู้สึก หรือความประทับใจของผู้ใช้งานจริง ลงไปในข้อมูลส่วนนี้ด้วย เพื่อทำให้สินค้า หรือบริการ มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ อาจอธิบายวัฏจักรของสินค้า (Product Life Cycle) เพื่อช่วยให้เข้าใจตัวสินค้า และสามารถวางแผนในอนาคตได้ดีขึ้น
5. แผนการตลาด (Marketing Strategy)
เป็นส่วนสำคัญที่นักลงทุนให้ความสนใจมาก เพราะแม้ว่าธุรกิจจะมีสินค้าที่ดี แต่ถ้ามีแผนการตลาดที่ไม่ดี ก็ทำให้ธุรกิจเติบโตได้ยาก
โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของแผนการตลาด ที่ต้องนำเสนอ ได้แก่
- กลยุทธ์ STP Marketing (Segmentation, Targeting และ Positioning)
หรือก็คือ การวิเคราะห์ และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีความเหมาะสม รวมถึงการกำหนด Positioning ของแบรนด์
- กลยุทธ์ 4Ps หรือ 7Ps Marketing Mix เพื่อออกแบบกลยุทธ์ให้รอบด้าน
- กลยุทธ์ช่องทางสื่อสาร (Communication Strategy) เพื่อนำเสนอว่าจะสื่อสาร และเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร
- Customer Journey วางแผนเส้นทางการเป็นลูกค้า ว่าแบรนด์จะทำการตลาดในแต่ละ Touch Point ของลูกค้าได้อย่างไร
- ระบุงบการตลาด และตัวชี้วัด เพื่อใช้ในการวัดผลอย่างชัดเจน
เช่น ภายในระยะเวลา 1 ปี จะใช้งบประมาณในการทำการตลาดเท่าไร และด้วยงบประมาณเท่านี้ จะช่วยให้ธุรกิจดึงดูดลูกค้าได้กี่คน
ส่วนตัวอย่างของตัวชี้วัด ที่สามารถนำมาใช้ได้ ก็อย่างเช่น
- CAC (Customer Acquisition Cost) ต้นทุนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการหาลูกค้า 1 คน
- ROAS (Return on Ads Spending) อัตราผลการตอบแทนจากการโฆษณา
- ROAS (Return on Ads Spending) อัตราผลการตอบแทนจากการโฆษณา
6. แผนปฏิบัติการ (Operation Plan)
เป็นส่วนที่ต้องอธิบายกระบวนการดำเนินธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อให้นักลงทุนเข้าใจว่า แผนธุรกิจทั้งหมดไม่ได้เป็นแค่ไอเดีย แต่สามารถทำได้จริง
ส่วนประกอบหลัก ๆ ของแผนปฏิบัติการ ได้แก่
- กระบวนการหลัก ซึ่งเป็นขั้นตอนหลักในการดำเนินธุรกิจ เช่น ผลิตสินค้า เตรียมวัตถุดิบ และส่งมอบอย่างไร
- ซัปพลายเชน และที่มาของวัตถุดิบ เช่น จะผลิตสินค้าอย่างไร และจะจัดส่งอย่างไร
- สถานที่ และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงงาน หรือสำนักงาน ที่จำเป็นต้องใช้
- ทรัพยากรบุคคล เช่น มีพนักงานตำแหน่งใดบ้าง และแต่ละตำแหน่งทำหน้าที่อะไร
- แผนรับมือความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ
โดยแผนปฏิบัติการ เป็นข้อมูลส่วนสำคัญที่ต้องอธิบายให้ชัดเจน เพราะจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการจัดการปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
7. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริหาร (Management Team)
เป็นการอธิบายข้อมูลของทีมผู้บริหาร ว่าแต่ละคนมีความเชี่ยวชาญเรื่องอะไร หรือมีประสบการณ์มานานแค่ไหน
เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่า ผู้ที่จะมาบริหารธุรกิจนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสม
โดยข้อมูลหลัก ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้บริหาร ได้แก่
- รายชื่อผู้ก่อตั้งธุรกิจ และผู้บริหารหลัก
- ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญของผู้บริหารแต่ละคน
- โครงสร้างทีม
- บทบาท และความรับผิดชอบของผู้บริหารแต่ละคน
8. แผนการเงิน (Financial Plan)
อธิบายรายได้ที่คาดหวัง ค่าใช้จ่าย และเงินทุนที่ต้องการ เพื่อแสดงให้เห็นถึงแผนทางด้านการเงิน
โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของแผนการเงิน ได้แก่
- ต้นทุนเริ่มต้น คือค่าใช้จ่ายในการเริ่มธุรกิจ เช่น ค่าตกแต่งร้าน ค่าอุปกรณ์
- โครงสร้างต้นทุน เช่น ต้นทุนคงที่ และต้นทุนผันแปร เป็นอย่างไรบ้าง
- ประมาณการรายได้ หรือการคาดการณ์รายได้ในระยะเวลาต่าง ๆ เช่น รายเดือน รายไตรมาส หรือรายปี
- จุดคุ้มทุน
- งบแสดงฐานะการเงิน
- ตัวชี้วัดทางการเงิน
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ แผนการเงิน เป็นการเปลี่ยนจากไอเดีย ให้กลายเป็นตัวเลข เพื่อให้นักลงทุนได้เข้าใจคร่าว ๆ ว่าสภาพคล่องของบริษัทจะเป็นอย่างไรในอนาคต
9. แผนการขยายธุรกิจ (Growth Plan)
เป็นการอธิบายโอกาสการเติบโตในอนาคตของธุรกิจ และกลยุทธ์ที่ใช้รับมือกับความเสี่ยง โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ของแผนการขยายธุรกิจ ได้แก่
- เป้าหมายการเติบโต ต้องระบุให้ชัดเจนว่าอยากให้ธุรกิจเติบโตในด้านใด เช่น รายได้ สาขา หรือจำนวนลูกค้า
- ใช้วิธีใดในการขยายธุรกิจ
- ไทม์ไลน์ และระยะเวลาในการขยายธุรกิจโดยประมาณ
- ผลกระทบทางการเงิน เช่น รายได้ที่คาดว่าจะได้ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และระยะเวลาคืนทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
- ความเสี่ยงและแนวทางรับมือ เช่น ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมผู้บริโภค หรือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากคู่แข่ง
- โอกาสในอนาคต หรือการวางตำแหน่งธุรกิจในอนาคต
โดยในองค์ประกอบสุดท้ายนี้ ไม่จำเป็นต้องวางแผนที่ขายฝันมากเกินไป แต่ให้เน้นไปที่ข้อมูลพื้นฐาน ที่แสดงให้เห็นถึงแผนการในอนาคตที่เป็นไปได้ และตั้งอยู่บนความจริง เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน
ทั้งหมดนี้ คือการเขียน Business Plan
หรือการวางแผนการทำธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญรอบด้าน ที่ช่วยกำหนดทิศทาง และกลยุทธ์การทำธุรกิจ รวมถึงการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หรือการวางแผนการทำธุรกิจ ซึ่งประกอบไปด้วย 9 องค์ประกอบสำคัญรอบด้าน ที่ช่วยกำหนดทิศทาง และกลยุทธ์การทำธุรกิจ รวมถึงการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งยังช่วยดึงดูดนักลงทุน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญ ในการทำธุรกิจอีกด้วย..
Tag:Business Plan