
“ถนนทรงวาด” จุดเริ่มต้นธุรกิจเจ้าสัว สู่จุดเช็กอินแห่งใหม่ ของวัยรุ่น
28 มิ.ย. 2025
“ทรงวาด” หนึ่งในย่านการค้าเก่าแก่ของพระนคร ถนนสายประวัติศาสตร์สั้น ๆ ที่มีความยาวเพียง 1 กิโลเมตรกว่า ๆ ทอดตัวขนาบข้างไปกับแม่น้ำเจ้าพระยา
ปัจจุบัน ภาพของทรงวาด ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าเก่าแก่อีกต่อไปแล้ว แต่ทรงวาดได้กลายเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ล่าสุด ของคนกรุงเทพฯ ในยุคนี้
ด้วยการเป็นย่านที่รวม คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ และร้านค้าแบบชิก ๆ ไว้ด้วยกันบนถนนสายเดียว
และยังได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 40 ย่าน ที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2023 จากการจัดอันดับของ Time Out สื่อด้านไลฟ์สไตล์อีกด้วย
แล้วจากย่านการค้าเก่าแก่ของพระนคร กลายมาเป็น จุดเช็กอินแห่งใหม่ ของเหล่าวัยรุ่นได้อย่างไร ?
ย่านทรงวาด เป็นย่านการค้าเก่าแก่ ที่มีความยาวเพียง 1,196 เมตร หรือเพียง 1 กิโลเมตรกว่า ๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5
เพื่อลดความแออัดของสำเพ็ง ซึ่งเป็นย่านการค้าของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อยู่ใกล้ ๆ กัน และเพิ่งถูกไฟไหม้ไปในช่วงเวลานั้น
ด้วยทำเลที่ตั้งของย่านทรงวาด ที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้มี “ท่าเรือ” เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นำมาสู่การเป็นทำเลทองของการค้าขาย การคมนาคม การแลกเปลี่ยน และการขนส่งสินค้าต่าง ๆ
จนย่านทรงวาด ไม่ได้เป็นเพียงย่านการค้าสำคัญของพระนครในช่วงเวลานั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นการทำธุรกิจของ “เจ้าสัว” และธุรกิจใหญ่ ๆ ที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน เช่น
- ร้านขายเมล็ดพันธุ์ผัก ชื่อ “เจียไต้จึง” ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเครือเจริญโภคภัณฑ์
- ธนาคารกรุงเทพ สาขาแรก ที่หัวมุมถนนทรงวาด-ราชวงศ์
- ร้านขายสินค้าเบ็ดเตล็ด ชื่อ “เฮียบเซ่งเชียง” ที่เป็นต้นกำเนิดของเครือสหพัฒนพิบูล
ทีนี้ หลังจากรู้จักประวัติศาสตร์ของย่านทรงวาดกันแบบคร่าว ๆ แล้ว
คำถามต่อมาคือ ทำไมย่านทรงวาด ถึงกลายเป็นจุดเช็กอินชิก ๆ และเต็มไปด้วย คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ จำนวนมาก จนกลายเป็นเอกลักษณ์ในปัจจุบันของย่านนี้
หากวิเคราะห์กันแบบง่ายที่สุด สาเหตุที่ทำให้ย่านทรงวาดเต็มไปด้วย คาเฟ ร้านอาหาร บาร์ แกลเลอรีศิลปะ จำนวนมาก เกิดขึ้นได้ในมุมการตลาด
- เสน่ห์ของย่านทรงวาด เป็นเหมือน Brand Story ในมุมการตลาด
สิ่งที่ย่านทรงวาดมี คือ เสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย ของความเป็นย่านการค้าเก่าแก่
ที่แม้ในปัจจุบันย่านการค้าจะขยับขยายออกไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่น สีลม สาทร สุขุมวิท กันหมดแล้ว
แต่ทรงวาด ยังคงรักษาเสน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น วิถีชีวิตของผู้คน ประวัติศาสตร์ ความเป็นมาของพื้นที่ รวมถึงศิลปะ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ หากอธิบายในมุมการตลาด และเปรียบเทียบย่านทรงวาด เป็นแบรนด์แบรนด์หนึ่ง
วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ ความเป็นมา รวมถึงศิลปะ และสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ก็เป็นเหมือนเรื่องราวของแบรนด์ (Brand Story) ที่สามารถนำไปเล่า เพื่อเชื่อมโยงกับอารมณ์และความรู้สึก รวมถึงสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ในมุมมองของลูกค้าได้
- ใช้วัฒนธรรมของย่าน เป็นการตลาดรูปแบบหนึ่ง
โดยใช้ชื่อว่า “Made in Song Wat” ที่เป็นการรวมกลุ่มกันของผู้ประกอบการในย่านทรงวาดมากกว่า 60 ราย เพื่อร่วมกันวางแผนอนาคตให้กับย่านทรงวาด ให้เติบโตไปพร้อมกันทั้งย่าน
ไม่ว่าจะเป็น การวางคอนเซปต์ของย่านทรงวาดไว้ว่า Old Meet New ที่ต้องการทำให้ผู้ประกอบการ ทั้งผู้ประกอบการดั้งเดิม และผู้ประกอบการหน้าใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในพื้นที่ สามารถเติบโตไปพร้อมกันได้
โดยสิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือ การร่วมกันวางแผนเพื่อจัดกิจกรรม หรืออิเวนต์ให้กับย่านทรงวาดอยู่เสมอ
เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และดึงดูดให้คนเข้ามาในย่านทรงวาด เพราะร้านค้าเพียงร้านเดียว คงไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้ดีเท่ากับคนทั้งย่านร่วมกันทำ
โดยตัวอย่างของสิ่งที่ Made in Song Wat ร่วมกันทำ เช่น
- Song Wat Guidebook เพื่อจัดทำคู่มือสถานที่สำคัญภายในย่านทรงวาด
- การคอลแลบ เพื่อจัดกิจกรรมร่วมกับภาพยนตร์เรื่อง แมนสรวง
- การจัดงาน Song Wat Week
- การจัดงาน Bangkok Design Week ร่วมกับย่านอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
จะเห็นได้ว่า สิ่งที่ย่านทรงวาดทำ คือการใช้จุดแข็งทางด้าน สเน่ห์ และเอกลักษณ์เฉพาะตัวของตัวเอง มาใช้ในการทำการตลาดให้กับตัวเอง
ซึ่งการตลาดในแง่มุมนี้ เรียกได้ว่าเป็น Cultural Marketing (การตลาดเชิงวัฒนธรรม) รูปแบบหนึ่ง
โดย Cultural Marketing ก็คือ กลยุทธ์การตลาดรูปแบบหนึ่ง ที่ใช้วัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็น ค่านิยม ความเชื่อ วิถีชีวิต ภาษา รวมถึงบริบททางสังคม มาใช้ในด้านการตลาด
เพื่อสร้างความรู้สึกทางอารมณ์ เชื่อมโยงระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้ดี
ทั้งหมดนี้ คือการวิเคราะห์ย่านทรงวาด ในมุมการตลาดแบบง่าย ๆ
หากสรุปกันอีกครั้ง
สิ่งที่เราเห็นได้อย่างชัดเจนมากที่สุด ก็คงเป็นการเปรียบเทียบได้ว่า หากทรงวาดเป็นแบรนด์ ก็คงเป็นแบรนด์ที่มีความเก่าแก่ และมีเรื่องราวของตัวเอง
และแบรนด์แบรนด์นี้ ก็หยิบเอาความเก่าแก่ และเรื่องราวของตัวเอง มาใช้ได้อย่างถูกจุด
จึงทำให้ ทรงวาด จากย่านการค้าเก่าแก่ กลายมาเป็นจุดเช็กอินแห่งใหม่ ของเหล่าวัยรุ่นในปัจจุบันนั่นเอง..
อ้างอิง :
-https://www.longtungirl.com/13607
-https://www.timeout.com/bangkok/th/news/songwat-coolest-neighborhood-2023-101923
-https://th.wikipedia.org/wiki/ถนนทรงวาด
-https://everydaymarketing.co/knowledge/cultural-marketing-marketing-from-beliefs-and-cultures-that-are-being-re-told/
-https://urbancreature.co/neighborhood-songwat/
-https://urbancreature.co/made-in-song-wat/
-https://spacebar.th/culture/song-wat-bangkok-place
-https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/512199
-https://www.longtungirl.com/13607
-https://www.timeout.com/bangkok/th/news/songwat-coolest-neighborhood-2023-101923
-https://th.wikipedia.org/wiki/ถนนทรงวาด
-https://everydaymarketing.co/knowledge/cultural-marketing-marketing-from-beliefs-and-cultures-that-are-being-re-told/
-https://urbancreature.co/neighborhood-songwat/
-https://urbancreature.co/made-in-song-wat/
-https://spacebar.th/culture/song-wat-bangkok-place
-https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/512199
Tag:ถนนทรงวาด