
การตลาด Burger King คอลแลบอานิเมะวัยเด็ก Naruto ดึงลูกค้า Gen Y-Gen Z ด้วยกลยุทธ์ Nostalgia
23 ก.ค. 2025
ล่าสุด Burger King เปิดตัวแคมเปญคอลแลบครั้งใหญ่ ในชื่อ “BURGER KING x NARUTO” การ์ตูนอานิเมะขวัญใจคนทั่วโลก ที่มีฐานแฟนคลับติด Top 3 ของโลก และมีอานิเมะฉายใน Netflix อีกด้วย
ซึ่งเหตุผลที่ Burger King เลือกคอลแลบกับ Naruto ก็เพราะมีคาแรกเตอร์และ Brand Archetype ที่คล้ายกัน ทั้งความทะเล้น ความกล้าคิด กล้าทำ กล้าลอง และความเป็นผู้นำนั่นเอง
โดยแคมเปญนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 กรกฎาคม ไปจนถึงวันที่ 31 สิงหาคม และจัดเต็มด้วยการแปลงโฉมร้าน Burger King สาขารัชดาให้กลายเป็นสตอร์ธีมนารูโตะแห่งแรกในประเทศไทย
พร้อมกับเปิดตัวเมนูพิเศษทั้งเบอร์เกอร์สูตรเฉพาะและของหวานธีมสีส้มสดใส เช่น
- นารูโตะ วอปเปอร์ เบอร์เกอร์ซิกเนเจอร์ของเบอร์เกอร์คิง มีให้เลือกทั้งเนื้อหมูและเนื้อวัว ราคา 239 บาท
- นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ เบอร์เกอร์ขนาดพอดีอิ่ม มีทั้งเนื้อวัวหรือเนื้อหมู ราคา 169 บาท
- ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ เบอร์เกอร์เนื้อย่าง 2 ชิ้น ราคา 409 บาท
- ซันเด ส้ม คาราเมล ไอศกรีมซันเดย์ ราดซอสคาราเมลส้ม ราคา 35 บาท
และที่พิเศษก็คือ ถ้าซื้อเซตเมนูนักเก็ต 3 ชิ้น พร้อมเครื่องดื่ม 1 แก้ว คู่กับ
- นารูโตะ วอปเปอร์ จูเนียร์ ราคาเซตละ 299 บาท หรือ
- นารูโตะ วอปเปอร์ ราคาเซตละ 369 บาท หรือ
- ดับเบิ้ล นารูโตะ วอปเปอร์ ในราคา 559 บาท (เฉพาะสาขาท่องเที่ยว)
ก็จะได้รับฟิกเกอร์ตัวละครลิขสิทธิ์แท้จากนารูโตะ 1 ชิ้น แบบสุ่ม ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 8 คาแรกเตอร์ ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 5,000 ชิ้นต่อคาแรกเตอร์ ไปอีกด้วย
หรือใครขี้เกียจสุ่ม แต่อยากได้ฟิกเกอร์ทุกคาแรกเตอร์ไปเลยทั้งหมดในทีเดียว ก็เลือกซื้อเป็นชุดสุดคุ้ม นารูโตะ วอปเปอร์ 3 ชุด ในราคาเซตละ 1,899 บาทก็ได้
เรียกได้ว่า แคมเปญนี้ Burger King ได้ใจคนชอบสะสมฟิกเกอร์การ์ตูนสุดโปรดไปเลยเต็ม ๆ และมองถึงความสำเร็จในการสร้างฐานลูกค้า Gen Y, Gen Z และคนรักอานิเมะเพิ่ม ไม่ต่ำกว่า 10-15%
และ Burger King ก็ได้เผยอีกว่า ในอนาคตก็จะมีการคอลแลบกับการ์ตูนอื่น ๆ อีกด้วยเช่นกัน
ซึ่งกลยุทธ์ที่ Burger King เลือกใช้นี้ มีชื่อแบบเท่ ๆ ว่า “Nostalgia Marketing” หรือการสร้างคุณค่าทางอารมณ์ ด้วยการพาลูกค้าย้อนวัยกลับไปสู่ช่วงวัยรุ่นที่มีความทรงจำดี ๆ เกี่ยวกับการ์ตูนนารูโตะนั่นเอง
โดยถ้าเรามองย้อนกลับมาที่ฐานลูกค้าของ Burger King จะเห็นว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักเรียนและกลุ่มคนวัยทำงานทั้ง Gen X, Gen Y และ Gen Z
ซึ่งคนกลุ่มนี้จะมีความโหยหาถึงความทรงจำดี ๆ ในสมัยที่ตัวเองยังเป็นเด็กอยู่เสมอ เช่น คิดถึงอุปกรณ์แบบ Analog, เพลงเก่า ๆ และรวมถึงการ์ตูนที่ตัวเองชอบดูสมัยเด็กด้วย
เพราะแบบนี้ หลาย ๆ แบรนด์จึงเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ Nostalgia Marketing ที่ช่วยเพิ่มฐานลูกค้าที่มีกำลังซื้อและอยากซื้อของสะสมที่เป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำสมัยเด็กเก็บเอาไว้
นอกจากนี้ ยังมีอีกกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ แฝงอยู่อีกด้วย เช่น
- Pandora Effect
เป็นการใช้ความอยากรู้อยากเห็นมากระตุ้นให้คนอยากซื้อสินค้า และอยากเปิดกล่องสุ่มเสี่ยงดวง ว่าจะได้คาแรกเตอร์อะไร ใช่ฟิกเกอร์ตัวที่อยากได้หรือไม่
- Scarcity Marketing หรือการตลาดแบบขาดแคลน
เป็นการจำกัดจำนวนสินค้า และช่วงเวลาที่ขาย ทำให้ลูกค้าเกิดความรู้สึกว่าต้องซื้อ ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้สินค้านั้นมาอยู่ในครอบครอง