
กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Sustainable Living Destination ยกระดับมาตรฐานการใช้ชีวิตสู่ความยั่งยืนในทุกมิติ
2 ก.ย. 2025
กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือมุ่งมั่นขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความยั่งยืนอย่างบูรณาการควบคู่กับการพัฒนาธุรกิจในทุกมิติภายใต้แนวทาง Sustainable Living Destination เพื่อเป็นต้นแบบของระบบนิเวศการใช้ชีวิตที่มีคุณภาพและยั่งยืนร่วมกับทุกชุมชนที่สร้างสมดุลระหว่างเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบพัฒนาและบริหารจัดการพื้นที่ให้สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ตั้งแต่ภายในอาคารผ่านระบบที่คำนึงถึงคุณภาพอากาศน้ำและการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสู่ภายนอกอาคารครอบคลุมพื้นที่สีเขียวระบบจัดการน้ำเสียและการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพสอดคล้องตามเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

พิชัย จิราธิวัฒน์กรรมการบริหารกลุ่มเซ็นทรัลกล่าวว่า กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัทเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ CRC, บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN และบริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL/เซ็นทารา ยึดมั่นในบทบาทองค์กรที่เติบโตเคียงคู่สังคมและสิ่งแวดล้อม การพัฒนา Sustainable Living Destination จึงไม่ใช่เพียงการปรับปรุงโครงสร้างทางกายภาพ แต่คือการสร้างระบบนิเวศแห่งการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ ที่ยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างรับผิดชอบ และดูแลโลกใบนี้ให้คงอยู่อย่างยั่งยืน เราจะเดินหน้าผสานพลังจากทุกกลุ่มธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero และสร้างต้นแบบองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล

ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อน Sustainable Living Destination ครอบคลุมตั้งแต่ การออกแบบและบริหารจัดการอาคารตามหลักอาคารสีเขียว (Green Building) โดยเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การนำระบบอัจฉริยะ (Smart Systems) มาบริหารจัดการพลังงาน เช่น ระบบแสงสว่างและระบบปรับอากาศประสิทธิภาพสูง และการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดผ่านการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ เพื่อลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล ตลอดจนการบริหารจัดการน้ำและของเสียด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ก่อนจะขยายผลสู่ พื้นที่โดยรอบ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ผ่านการเพิ่มพื้นที่สีเขียว พื้นที่สาธารณะ และส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เราจะเดินหน้าผสานพลังจากทุกกลุ่มธุรกิจในเครือ และพันธมิตรเพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero และเป็นต้นแบบองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนในระดับสากล”
กลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือมุ่งพัฒนาและบริหารจัดการด้าน Sustainable Living Destination รวมถึงพื้นที่โดยรอบเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนดังนี้
บริษัทเซ็นทรัลรีเทลคอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) หรือ CRC ขับเคลื่อนธุรกิจค้าปลีกอย่างยั่งยืน ด้วยการบูรณาการความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกกระบวนการ โดยมีเป้าหมาย อย่างต่อเนื่อง โดยมีผลลัพธ์ด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม อาทิ
ด้านการจัดการพลังงานและพลังงานสะอาด
ในปี 2567 เซ็นทรัลรีเทลได้ติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์แล้วทั้งหมด 171 แห่ง โดยในประเทศไทยมีการติดตั้งโซลาร์เซลล์จำนวน 137 แห่งครอบคลุมหน่วยธุรกิจได้แก่ศูนย์การค้าโรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน ท็อปส์ ซูปเปอร์มาร์เก็ต โก โฮลเซลล์ ไทวัสดุ รวมไปถึงการติดตั้งโคมไฟถนนพลังงานแสงอาทิตย์อัจฉริยะ ทุกสาขาทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้ดำเนินการติดตั้งไปแล้ 34 สาขาและภายในปี 2568 นี้จะดำเนินการติดตั้งให้ครบทั้ง 27 สาขาทั่วประเทศ
โรบินสันไลฟ์สไตล์มีโครงการติดตั้งโซลาร์เซลล์สำหรับห้างสรรพสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าซึ่งศูนย์การค้าแห่งแรกในประเทศไทยที่ติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) (แบตเตอรี่สำหรับแผงโซลาร์เซลล์) และมีความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานสะอาด ส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์บนหลังคาของห้างสรรพสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดต้นทุนค่าใช้จ่ายพลังงาน
เพาเวอร์บาย ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟในคลังสินค้า เพิ่มการใช้พลังงานสะอาดด้วยการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาทดแทนการใช้พลังงานไฟฟ้า สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 300 ตันต่อปี และลดค่าไฟฟ้าภายในคลังสินค้าลงได้ถึง 20%
เซ็นทรัลฟู้ดรีเทลและโกโฮลเซลล์ส่งเสริมและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยมีการใช้ตู้เย็นประหยัดพลังงานและใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจำนวน 2,163 เครื่อง รวม 246 สาขา ซึ่งสามารถลดการพลังงานได้กว่า 17,485 เมกะวัตต์ชั่วโมง (62,946 จิกะจูล) ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 8,741 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
ด้านการจัดการน้ำและทรัพยากร
โรบินสันไลฟ์สไตล์ได้มีการประเมินรูปแบบการใช้น้ำเพื่อดำเนินมาตรการลดการใช้น้ำและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำ โดยปี 2567 สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 3,200 ลิตรต่อเดือนต่อสาขา พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรน้ำได้กว่า 5.6 ล้านบาทต่อปี
ด้านการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและซูเปอร์สปอร์ต รณรงค์ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในห้างทั่วประเทศ อาทิ การสนับสนุนสินค้าที่มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รณรงค์ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเปิดพื้นที่สนับสนุนให้มีการจำหน่ายสินค้าชุมชนที่ผลิตจากวัสดุในพื้นถิ่น รวมไปถึงการประหยัดพลังงานขานรับกับเทรนด์การบริโภคอุปโภคในห้างฯ เช่น ที่จอดรถยนต์พลังงานไฟฟ้าพร้อม EV Charger การติด Solar Rooftop และการใช้ไฟ LED เพื่อลดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
การดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศ
เซ็นทรัลรีเทลเวียดนามให้ความสำคัญกับความยั่งยืนเป็นหัวใจของกลยุทธ์ธุรกิจ โดยมุ่งสร้างคุณค่าในระยะยาว ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ผ่านการลดรอยเท้าทางสิ่งแวดล้อม การสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และการพัฒนาระบบค้าปลีกอย่างมีความรับผิดชอบ เพื่อร่วมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สำหรับประเทศเวียดนามบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีการจัดการพลังงานสมัยใหม่ เช่น ระบบ Free Water, Transform, Free Air และ ZCEP ซึ่งใช้การระบายอากาศตามธรรมชาติเพื่อสร้างความเย็น ช่วยลดการใช้ไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานในทุกกระบวนการดำเนินงาน ในเดือนพฤษภาคม 2568 เซ็นทรัล รีเทล เวียดนาม สามารถประหยัดไฟฟ้าได้ถึง 22,685 เมกะวัตต์ชั่วโมง คิดเป็นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าประมาณ 4,697 ตัน สะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทในการเป็นส่วนหนึ่งของการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม
บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) หรือ CPN เป็นผู้นำรายแรกในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และค้าปลีกของไทย ที่ส่งเสริมการพัฒนาอาคารสีเขียวตามมาตรฐานทั้งในประเทศและสากล เช่น LEED, TREES, EDGE, WELL และ MEA Index พร้อมระดมทุนผ่าน ‘Green Bond’ และ ‘Sustainability-linked Bond’ รวมมูลค่ากว่า 21,000 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนโครงการมิกซ์ยูสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในมิติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม ผ่านการใช้พลังงานสะอาดในทุกโครงการ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่า 10% การจัดตั้งศูนย์จัดการขยะกว่า 10 แห่งครอบคลุมทั่วประเทศ และการติดตั้ง EV Charger Hub ให้บริการจุดชาร์จรถไฟฟ้ากว่า 600 จุดจากเหนือจรดใต้ โดยมีโครงการต้นแบบที่สำคัญ ได้แก่:
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลกระบี่ ตั้งเป้าเป็นโครงการ Zero Carbon แห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา พร้อมนำขยะทะเล แห อวน มาเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบโครงการเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ และภูมิปัญญาท้องถิ่น
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวสต์วิลล์ศูนย์การค้า Low Carbon Mall แห่งแรกของไทย ลดการก่อให้เกิดโลกร้อน (GWP) ได้มากกว่า 50% ได้รับรองมาตรฐาน TREES ด้านพลังงาน และสิ่งแวดล้อมระดับประเทศ
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพระราม 9 ปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน โดยติดตั้งผ้าใบคลุมบางส่วนของหลังคา Skylight เพื่อช่วยลดความร้อนสะสมจากแสงแดดโดยตรง ลดระดับแสงและอุณหภูมิภายในอาคารได้ราวร้อยละ 10 พร้อมคงไว้ซึ่งการใช้แสงธรรมชาติอย่างเหมาะสม
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดนครราชสีมา ได้รับรางวัล Thailand Energy Awards และ ASEAN Energy Award ประจำปี 2567 จากความโดดเด่นด้านการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอาคารออกแบบเพื่อการประหยัดพลังงาน ด้วยหลังคาโปร่งแสงในพื้นที่ส่วนกลางที่เปิดรับแสงธรรมชาติ เพื่อลดการใช้ไฟฟ้าในเวลากลางวัน ใช้กระจก Low-E สองชั้นเพื่อลดการถ่ายเทความร้อนจากภายนอก และบริเวณด้านหน้าอาคารมีคลองสาธารณะกว้าง 25 เมตร ช่วยระบายความร้อนโดยธรรมชาติ พร้อมพื้นที่สีเขียวโดยรอบกว่า 21.9% ของพื้นที่เปิดโล่ง ช่วยลดอุณหภูมิ เพิ่มความร่มรื่น และส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซาจำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดยโรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา ให้ความสำคัญกับการผสานแนวคิดความยั่งยืนเข้ากับประสบการณ์ของแขกผู้เข้าพักและการดำเนินงานของโรงแรม โดยมีกลยุทธ์หลักในการบริหารจัดการทรัพยากร อนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และมุ่งสู่มาตรฐานสากล ดังนี้
• ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยบำบัดน้ำเสียและตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำเป็นประจำ พร้อมรายงานโดยผู้ตรวจสอบภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่าไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ปี 2567 มีน้ำเสียผ่านการบำบัดรวม 1,424.82 เมกะลิตร พร้อมนำนวัตกรรม Aquamiser Machine มาใช้ในกระบวนการซักผ้าของโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ มิราจ บีช รีสอร์ท พัทยา ทำให้ประหยัดน้ำได้ร้อยละ 50 และ 13 โรงแรมในเครือเซ็นทารา ดำเนินการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดแล้วและมีคุณภาพน้ำที่เหมาะสมมาใช้เพื่อรดน้ำต้นไม้ สามารถลดการใช้น้ำดีได้มากถึง 530.16 เมกะลิตร รวมทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายจากการซื้อน้ำประปา ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคงความเชื่อมั่นของชุมชน
• ให้ความสำคัญในด้านการดูแลรักษาความสะอาดพื้นที่รอบโรงแรม ในปี 2567 พนักงานของโรงแรมจำนวน 3,730 คนทั้งในประเทศและต่างประเทศได้เข้าร่วมกิจกรรมเก็บขยะและทำความสะอาดพื้นที่รอบโรงแรม ทั้งบริเวณพื้นที่ชายหาด พื้นที่ทะเลทราย พื้นที่ใต้น้ำ รวมทั้งในแม่น้ำลำคลอง และพื้นที่ใกล้เคียง สามารถเก็บขยะได้ทั้งสิ้น 6,994 กิโลกรัม ลูกค้าที่มีความสนใจเข้าร่วม 221 คน ซึ่งกิจกรรมเก็บขยะช่วยให้ไม่มีขยะไหลลงสู่ทะเลไปทำลายที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตใต้น้ำหรือพื้นที่ชายหาด และลดการเสียชีวิตของสัตว์ป่าที่เกิดจากการกินขยะ เป็นทางหนึ่งที่ช่วยปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพได้
• พร้อมทั้ง ส่งเสริมการเพิ่มประชากรสัตว์น้ำ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ บีช รีสอร์ทและวิลลา หัวหิน ดำเนินการปล่อยลูกปูม้าจำนวนประมาณ 10,000 ตัว ร่วมกับลูกค้าและพนักงาน 25 คน เป็นการสนับสนุนลูกพันธุ์ปูม้าวัยอ่อนจากธนาคารปูม้า เขาตะเกียบ เพื่อให้ประชากรปูม้าในพื้นที่ดั้งเดิมเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น โรงแรมเซ็นทารา ไลฟ์ บางกอก พระนคร ได้พาพนักงานจำนวน 30 คน ร่วมปล่อยปูทะเล 30 ตัว สวนป่าชายเลน หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง จังหวัดชลบุรี เพื่อเพิ่มประชากรปูทะเลในธรรมชาติและรักษาสมดุลของระบบนิเวศน์ในท้องทะเล
นอกจากนี้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารามุ่งมั่นดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
โดยปัจจุบันมีโรงแรม 11 แห่ง ได้รับการรับรองมาตรฐานโรงแรมสีเขียว (Green Hotel) จากกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม รวมถึงโรงแรม 4 แห่ง ได้รับตราสัญลักษณ์ Thailand Hotel Standard 2024-2026 จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าให้โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทาราทุกแห่ง ผ่านการรับรองความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยวตามมาตรฐานสภาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก (GSTC) ภายในปี 2568 โดยในปี 2567 มีโรงแรม 39 แห่ง ผ่านการประเมินจากหน่วยงานทวนสอบที่ได้รับการรับรองจาก GSTC นอกจากนี้โรงแรมเซ็นทารา และเรสซิเดนซ์ เวสต์เบย์ โดฮา ได้รับการรับรองจาก Green Key ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับการรับรองมาตรฐาน Green Hotel Plus ซึ่งทั้งสองมาตรฐานดังกล่าว (Green Key และ Green Hotel Plus) เป็นมาตรฐานความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับการยอมรับในสถานะ GSTC-Recognized

บริษัทเซ็นทรัลเรสเตอรองส์กรุ๊ปให้ความสำคัญต่อการพัฒนาและประยุกต์ใช้นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนผ่านโครงการสำคัญได้แก่
Smart IoT Lighting ระบบจัดการแสงสว่างอัจฉริยะภายในพื้นปฏิบัติงาน Head Office โดยใช้การเปิด-ปิด ผ่าน Application เพื่อช่วยปิด-เปิด ระบบแสงสว่างได้แบบ Automatic และยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ ควบคุมวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์จากส่วนกลาง
Smart IoT Air Condition ระบบควบคุมเครื่องปรับอากาศอัจฉริยะที่ควบคุมการเปิด-ปิด ให้เหมาะสมในแต่ละช่วงเวลาและยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดได้ ลดการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Smart Variable Speed Drive (VSD) เทคโนโลยีควบคุมความเร็วรอบมอเตอร์ให้เหมาะสมกับโหลดการทำงาน ลดพลังงานสูญเปล่าและยืดอายุการใช้งานเครื่องจักร พร้อมการมอนิเตอร์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
Block Zone กลยุทธ์บริหารจัดการพื้นที่ร้านอย่างยืดหยุ่นด้วยการแบ่งโซนและปรับขนาดพื้นที่ให้เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและต้นทุนการดำเนินงาน

กลุ่มเซ็นทรัลเชื่อมั่นว่าการขับเคลื่อน "Sustainable Living Destination" ไม่ได้เป็นเพียงเป้าหมายแต่คือพันธสัญญาในการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนสร้างสังคมที่น่าอยู่และดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนพร้อมต่อยอดแนวคิดจาก Green Building สู่การพัฒนาเมืองสีเขียวในอนาคตเพื่อนำพากลุ่มเซ็นทรัลก้าวสู่เป้าหมายสูงสุดขององค์กรคือการเป็นองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืนเคียงข้างสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับโลกอย่างแท้จริง