“ทอสเท็ม” ภายใต้เครือ “ลิกซิล” ปักหมุด 3 กลยุทธ์ขยายตลาดทั่วเอเชีย – ตะวันออกกลาง ย้ำศักยภาพไทยฐานผลิตหลักในเอเชีย พร้อมเร่งเครื่องตลาดในประเทศไทย ขยายฐานทุกเซ็กเมนต์ที่อยู่อาศัย

“ทอสเท็ม” ภายใต้เครือ “ลิกซิล” ปักหมุด 3 กลยุทธ์ขยายตลาดทั่วเอเชีย – ตะวันออกกลาง ย้ำศักยภาพไทยฐานผลิตหลักในเอเชีย พร้อมเร่งเครื่องตลาดในประเทศไทย ขยายฐานทุกเซ็กเมนต์ที่อยู่อาศัย

5 พ.ย. 2025
ทอสเท็ม (TOSTEM) ภายใต้กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี (LIXIL Housing Technology) เผยวิสัยทัศน์ประกาศทิศทางการเติบโตของแบรนด์ในระดับภูมิภาคผ่าน “3 แกนกลยุทธ์” เพื่อขยายการเติบโตในเอเชียและตะวันออกกลางครอบคลุมการขยายหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ (Category Expansion) การขยายพื้นที่ตลาดใหม่ (Area Expansion) และการขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ (Segment Expansion) พร้อมชูประเทศไทยเป็น “ศูนย์กลางการผลิตและพัฒนา” ที่สำคัญของภูมิภาคและตอกย้ำบทบาทของ TOSTEM ในฐานะแบรนด์ที่ผสาน “นวัตกรรม–ดีไซน์–ความยั่งยืน” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตยุคใหม่
เผย “3 แกนกลยุทธ์” เพื่อขยายการเติบโต
นายซาโตชิ โยชิดะ เจ้าหน้าที่บริหารและรองประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี (LIXIL Housing Technology), บริษัทลิกซิลคอร์ปอเรชั่นจำกัด (LIXIL) เปิดเผยว่า กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่อยู่อาศัย ซึ่งทำภายใต้แบรนด์ TOSTEM เป็นอีกหนึ่งในธุรกิจหลักของ ลิกซิล ที่ยังคงทำรายได้ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งในญี่ปุ่น และมีสัดส่วนการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศแถบเอเชีย โดยทิศทางการเติบโตของแบรนด์ในระดับภูมิภาค บริษัทวางแผนพร้อมขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ในการปฎิวัติพื้นที่อยู่อาศัยทั่วโลกบน 3 แนวทางสำคัญคือ 1. การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ 2. การขยายพื้นที่ตลาดใหม่ 3. การขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยมุ่งเน้นการขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ในเอเชีย และก้าวสู่ตลาดใหม่ในตะวันออกกลาง ภายใต้จุดยืนของแบรนด์ที่ยึดมั่นในคุณภาพ ความสวยงาม และการออกแบบในสไตล์ญี่ปุ่น ที่ผสานฟังก์ชันเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน
นายอิจิโระ มุราโคชิ เจ้าหน้าที่บริหารภูมิภาคเอเชีย กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี (LIXIL Housing Technology Asia), บริษัทลิกซิลคอร์ปอเรชั่นจำกัด กล่าวว่า จากความสำเร็จในการวางกลยุทธ์การตลาดในภูมิภาคเอเชียตลอดหลายปีที่ผ่านมาได้สร้างรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับ TOSTEM และวันนี้เราพร้อมยกระดับสู่การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตขึ้นไปข้างหน้าพร้อมเปิดโอกาสในการนำคุณภาพและดีไซน์แบบญี่ปุ่นของ TOSTEM ไปสู่ลูกค้าและตลาดใหม่ทั่วโลกอย่างแท้จริง
โดย 3 แกนกลยุทธ์ที่ TOSTEM จะใช้ขับเคลื่อนเพื่อการเติบโตระดับภูมิภาค ประกอบไปด้วย
1. Category Expansion การขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ เพื่อเป็นผู้ให้บริการโซลูชันที่อยู่อาศัยแบบครบวงจร โดยล่าสุด แบรนด์ TOSTEM เปิดตัว IN16 Series ผลิตภัณฑ์ชุดประตูและฉากกั้นอะลูมิเนียมภายในรุ่นใหม่ ที่ออกแบบโดยทีม LIXIL Global Design จากประเทศญี่ปุ่น เพื่อยกระดับความงามและฟังก์ชันของพื้นที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์ระดับพรีเมียม ถือเป็นการก้าวข้ามขอบเขตจาก “ประตูและหน้าต่าง” สู่ “Interior Living Series” ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ IN16 ได้รับรางวัล GOOD DESIGN AWARD 2024 จากประเทศญี่ปุ่น และได้เปิดตัวในประเทศไทย ในงานสถาปนิกเมื่อเดือนเมษายน และจำหน่ายให้กับเจ้าของบ้านเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในฐานะผลิตภัณฑ์ที่สะท้อนดีไซน์แบบญี่ปุ่นที่ร่วมสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
2. Area Expansion ขยายพื้นที่สู่ตลาดตะวันออกกลางหลังจากประสบความสำเร็จในเอเชีย TOSTEM เตรียม “เปิดประตูสู่ตลาดใหม่” ในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเปิดโชว์รูมแห่งใหม่ใน ดูไบ (Dubai) ในเดือนตุลาคม 2025 และเข้าร่วมงาน Big 5 Global Exhibition ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนับเป็นการเปิดเวทีให้แบรนด์ได้เชื่อมต่อกับเครือข่ายนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สถาปนิก และพันธมิตรระดับนานาชาติ การขยายสู่ตลาดตะวันออกกลางถือเป็นหมุดหมายสำคัญของทอสเท็ม ในการก้าวสู่การเป็น Global Premium Housing Solution Brand ที่นำคุณภาพและดีไซน์ญี่ปุ่นออกสู่เวทีโลกอย่างเต็มรูปแบบ
3. Segment Expansion การขยายกลุ่มลูกค้าเจาะตลาดอาคารสูงระดับลักชัวรี จากเดิมที่ TOSTEM มุ่งเน้นตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ (Low-Rise Housing) ในปีนี้บริษัทเตรียมขยายเข้าสู่ตลาดอาคารสูงระดับลักชัวรี (Luxury High-Rise) ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย โดยได้จัดตั้งทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์เฉพาะทาง และสร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรในภาคอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเดินหน้าในหลายโครงการแลนด์มาร์กสำคัญทั่วภูมิภาค
TOSTEM Thailand: ขับเคลื่อนตามวิสัยทัศน์ขยายฐานคลอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ที่อยู่อาศัย 
ด้านนายวิชา วรสายัณห์ ลีดเดอร์กลุ่มธุรกิจเฮาส์ซิ่งเทคโนโลยี บริษัท แอลเอชทีเอเซีย เซลส์แอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตประตูหน้าต่างอะลูมิเนียมแบรนด์ ทอสเท็ม (TOSTEM) ในประเทศไทยภายใต้บริษัท ลิกซิล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (LIXIL) กล่าวว่า สำหรับประเทศไทย TOSTEM Thailand ซึ่งทำหน้าที่เป็นฐานยุทธศาสตร์สำคัญของ TOSTEM ในการผลิตและกระจายสินค้าสู่ตลาดเอเชีย ซึ่งเรามีทั้งโรงงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนา (R&D) และสำนักงานใหญ่ด้านการตลาดในภูมิภาค เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้ตอบโจทย์ดีไซน์ ฟังก์ชัน และความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น โดยยังคงเดินหน้าขยายศักยภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่อยู่อาศัยทุกระดับ และพร้อมขับเคลื่อนไปกับนโยบายของทางบริษัทโดยมี  3 ทิศทางสำคัญ ดังนี้
1. เพิ่มกำลังการผลิตและกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดและความต้องการที่หลากหลาย
2. เร่งทำตลาด IN16 Series ในประเทศไทย รุกตลาดดีไซน์ภายในเต็มรูปแบบ ซึ่งจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความแตกต่างในด้านดีไซน์และฟังก์ชัน เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มองหาความสมดุลระหว่าง “ความงาม” และ “การใช้งาน”
3. เจาะทุกเซ็กเมนต์ของตลาดที่อยู่อาศัย ตั้งแต่ระดับกลางถึงบน  (Upper Mass - Luxury Segment) ทั้งกลุ่มลูกค้าโครงการ (B2B) และกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง (B2C) เพิ่ม Product line ใหม่ เพื่อขยายไปยังกลุ่มลูกค้า Retail เพิ่มขึ้น รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรในวงการออกแบบและก่อสร้าง นักออกแบบ สถาปนิก และอินทีเรียร์ดีไซเนอร์ ที่มองหาโซลูชันที่ผสมผสานระหว่างความสวยงามและประสิทธิภาพ ผ่านเครือข่ายโชว์รูม TOSTEM Studio ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 15 แห่งทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย และจะขยายเพิ่มเติมในพื้นที่ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง
สำหรับ TOSTEM เป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับในฐานะแบรนด์ประตูหน้าต่างระดับโลก เป็นหนึ่งในแบรนด์ภายใต้ LIXIL แบรนด์ชั้นนำด้านผลิตภัณฑ์อาคาร สินค้าและบริการในที่อยู่อาศัย
ขณะที่ LIXIL ถือเป็นบริษัทสัญชาติญี่ปุ่นที่มีความเป็นมามากกว่า 100 ปี และเป็นผู้นำระดับโลกในอุตสาหกรรมอาคารและที่อยู่อาศัย ดำเนินการอยู่ในกว่า 150 ประเทศทั่วโลก ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 70,000 คน และโรงงาน 80 แห่ง ประกอบด้วย 2 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.LIXIL Water Technology ผลิตสินค้าภายในห้องน้ำ ภายใต้หลากหลายแบรนด์ อาทิ American Standard, Grohe, INAX และ 2.LIXIL Housing Technology ผลิตสินค้าสำหรับบ้าน อาทิ ประตู หน้าต่าง ภายใต้แบรนด์ TOSTEM, NODEA
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.