กลยุทธ์ BONUS SUKI ขยายสาขาแบบ “ป่าล้อมเมือง” ตั้งเป้ามี 70 สาขาทั่วไทย ยอดขาย 3,600 ล้าน ในปีหน้า

กลยุทธ์ BONUS SUKI ขยายสาขาแบบ “ป่าล้อมเมือง” ตั้งเป้ามี 70 สาขาทั่วไทย ยอดขาย 3,600 ล้าน ในปีหน้า

18 พ.ย. 2025
ล่าสุดทีมผู้บริหาร BONUS SUKI จัดงานแถลงข่าวเปิดเผยกลยุทธ์ และอินไซต์หลังบ้านว่า ตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ร้านเปิดให้บริการมา มีอะไรน่าสนใจบ้าง และทางแบรนด์มีกลยุทธ์อะไรมาใช้สู้กับคู่แข่ง
แล้วกลยุทธ์ของ BONUS SUKI มีอะไรน่าสนใจบ้าง ? MarketThink สรุปให้ในโพสต์นี้
- BONUS SUKI เป็นร้านสุกี้บุฟเฟต์ ในเครือของ MK ราคา 219 บาทต่อคน (ไม่รวมเครื่องดื่ม และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%)
ซึ่งราคานี้จะพอ ๆ กับราคาต่อหัวของ สุกี้ตี๋น้อย, ลัคกี้ สุกี้
หมายความว่า แบรนด์เหล่านี้ คือ คู่แข่งของ BONUS SUKI แบบตรง ๆ
โดยทีมผู้บริหาร MK มองว่า ตอนนี้ตลาดสุกี้-ชาบู ที่มีราคาต่ำกว่าหัวละ 300 บาท เน้นความคุ้มค่า มีมูลค่ารวมกันอยู่ที่ 25,000 ล้านบาท และกำลังเติบโตได้ดี ทำให้มีผู้เล่นเข้ามาลงแข่งเยอะ
อย่างล่าสุด เครือเซ็นทรัล ก็เพิ่งปิดดีลซื้อหุ้นของ บริษัทเจ้าของ ลัคกี้ สุกี้ ด้วยมูลค่า 940 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 40%
แปลว่า ตลาดนี้ต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจแน่นอน
ทีนี้แล้ว BONUS SUKI มีกลยุทธ์แบบไหนมาสู้บ้าง ?
- กลยุทธ์ที่ชัดที่สุดของ BONUS SUKI น่าจะเป็นเรื่องของ “ทำเล” ที่ผู้บริหารบอกว่า จะเน้นไปตั้งร้านในจุดที่เป็น “เมืองหลัก” และ “หัวเมือง” ของประเทศไทย ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพฯ
ตอนนี้ BONUS SUKI เพิ่งเปิดมาได้ 4 เดือน มีทั้งหมด 13 สาขา และตั้งเป้าว่า ภายในสิ้นปีนี้จะขยายจนครบ 16 สาขา
โดยสาขาส่วนใหญ่ของ BONUS SUKI จะอยู่ที่ต่างจังหวัด ได้แก่
1. ภาคกลาง (ไม่รวมกรุงเทพฯ) มีจำนวน 6 สาขา
2. ภาคตะวันออก มีจำนวน 2 สาขา
3. ภาคอีสาน มีจำนวน 5 สาขา
4. ภาคใต้ มีจำนวน 2 สาขา
และมีสาขาที่อยู่ในกรุงเทพฯ แค่ 1 สาขาเท่านั้น คือที่ “ลิตเติ้ล วอล์ค รามคำแหง”

ถ้าดูจากวิธีการเลือกทำเลแบบนี้จะเหมือนว่า BONUS SUKI กำลังใช้เทคนิค “ป่าล้อมเมือง” คือเน้นขยายกิจการจากต่างจังหวัด เพื่อสร้างฐานลูกค้าจากโซนนอกเมืองก่อน แล้วค่อยขยายเข้าโซนเมืองในอนาคต
คล้ายป่าที่ล้อมเมืองหลวงเอาไว้ตามชื่อ
ซึ่งกลยุทธ์นี้ ก็จะคล้าย ๆ กับสูตรขยายสาขาของ CJ MORE ร้านสะดวกซื้อที่โตระเบิดในช่วงไม่กี่ปีมานี้
กลยุทธ์แบบนี้ มีข้อดีคือ ทำให้แบรนด์สามารถขยายไปยังทำเลที่คู่แข่งยังไม่ค่อยลงไปเล่นได้ก่อน ซึ่งจะได้เปรียบในการสร้างฐานลูกค้าในระยะยาว
นอกจากนี้ วิธีเลือกทำเลแบบนี้ ยังช่วยให้ BONUS SUKI สามารถเลือกอยู่ในทำเลที่ตรงสเป็กได้ง่ายกว่าในโซนเมือง
เพราะสเป็กทำเลที่ BONUS SUKI อยากไปคือ จะต้องเป็นทำเลที่มีขนาด 500 ตร.ม.ขึ้นไป และต้องมีที่จอดรถแบบลูกค้าสามารถเดินเข้าร้านได้เลย และที่สำคัญคือ ต้องไม่เปิด-ปิด ตามเวลาห้าง
ซึ่งสเป็กแบบนี้ จะหาได้ยากถ้าเป็นโซนเมือง แต่ต่างจังหวัดจะง่ายกว่า
แถมทางผู้บริหาร MK ยังบอกอีกว่า BONUS SUKI พร้อมมาก ๆ ในเรื่องของการขยายสาขา เพราะตอนนี้ทางแบรนด์มีความสามารถในการขยายกิจการได้เป็น 1,000 สาขา
เพราะมีซัปพลายเออร์มากกว่า 1,000 ราย, มีสต๊อกพอสำหรับ 1,000 สาขา, รถขนส่งกว่า 500 คัน รวมไปถึงครัวกลางรองรับได้ถึง 1,000 สาขา จากการทำร้าน MK ที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศมาก่อนอยู่แล้ว
- นอกจากเรื่องกลยุทธ์ ในงานยังได้พูดถึงอินไซต์ที่น่าสนใจของ BONUS SUKI หลังจากเปิดให้บริการมาครบ 4 เดือน
1. มีลูกค้า 25% กลับมาใช้บริการซ้ำ
2. มีลูกค้ามาทานซ้ำมากสุด 37 ครั้ง
3. 95% ของลูกค้าพอใจในการบริการ ซึ่งเป็น DNA ของ MK อยู่แล้ว
4. ยอดขายดีสุดตอนนี้ มาจาก “สาขาขอนแก่น”
5. ใช้กลยุทธ์ออกเมนูใหม่เรื่อย ๆ เช่น น้ำซุปก๋วยเตี๋ยวเรือ เพื่อดึงลูกค้าเข้าร้าน
6. ความสะอาด โอ่อ่า คือ สิ่งที่ BONUS SUKI เน้นในทุกสาขา
7. สร้างกิมมิก “BONUS TIME” คือจะมีการแจกเมนูพิเศษให้ลูกค้าทุกโต๊ะแบบฟรี ๆ ไม่คิดเงิน พร้อมมีโชว์เต้นจากพนักงานเหมือนในร้าน MK สมัยก่อนด้วย
- สำหรับแผนในอนาคต
ภายในปีนี้ BONUS SUKI ตั้งเป้ายอดขายอยู่ที่ 150 ล้านบาท
และในสิ้นปี 2569 หรือปีหน้า คาดว่าจะมี 70 สาขา และตั้งเป้ายอดขาย 3,600 ล้านบาท..
อ้างอิง :
- งานแถลงข่าว BONUS SUKI
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.