“สิงห์ เอสเตท” เปิดทิศทางการขับเคลื่อน 4 แกนหลักสร้างธุรกิจที่สมดุล มุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ท้าทาย

“สิงห์ เอสเตท” เปิดทิศทางการขับเคลื่อน 4 แกนหลักสร้างธุรกิจที่สมดุล มุ่งสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนท่ามกลางเศรษฐกิจที่ท้าทาย

20 พ.ย. 2025
บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) (SET: S) ผู้พัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับสากล ครอบคลุมธุรกิจโรงแรม ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
เพื่อการค้า รวมถึงธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ประกาศทิศทางการเติบโตภายใต้ยุทธศาสตร์  “A Stable Foundation Drives Sustainable Growth” พร้อมเผยบทบาทและวิสัยทัศน์ของ ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่เข้ามาขับเคลื่อนองค์กรด้วยปณิธาน “Enriching (Your) Life” การสร้างคุณค่าให้ชีวิต
ชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ‘S’ กล่าว “ตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตในมิติของรายได้และการขยายทรัพย์สินใน 4 ธุรกิจหลัก วันนี้เรากำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ของการขับเคลื่อนธุรกิจ ที่มุ่งเน้นการวางรากฐานของความมั่นคงทางธุรกิจ ความแข็งแกร่งในการจัดหาเงินทุน และการเตรียมความพร้อมของบุคลากร เพื่อพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ภายใต้ยุทธศาสตร์ ‘A Stable Foundation Drives Sustainable Growth’ เราได้วาง ‘4S’ เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนองค์กร Stability, Strength, Synergy และ Sincerity เพื่อสร้างสมดุลให้ธุรกิจ และมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน”
จากการเติบโตทางธุรกิจ สู่การวางรากฐานที่มั่นคง ผ่าน “4S” แกนหลักในการขับเคลื่อน Stability – “แกนการบริหารธุรกิจ” เพื่อสร้างธุรกิจที่มั่นคงและสมดุล
พอร์ตโฟลิโอของบริษัทจาก 4 ธุรกิจหลัก แบ่งรายได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทที่มีรายได้แบบประจำ (Recurring income) จากธุรกิจโรงแรมและอาคารสำนักงาน และประเภทที่มีรายได้แบบไม่ประจำ (Non-recurring income) จากธุรกิจที่พักอาศัยและนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งรายได้แต่ละประเภทเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน
บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบริหารความสมดุลของรายได้ทั้งสองประเภท โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญความท้าทายในปัจจุบัน การจัดพอร์ตโฟลิโอธุรกิจประเภทรายได้แบบประจำถือเป็นภารกิจสำคัญอันดับแรก เพื่อสร้างฐานกำไรที่มั่นคง ช่วยหนุนผลประกอบการโดยรวม และฐานกำไรของธุรกิจนี้ยังเป็นกันชนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอื่น ขณะเดียวกันการกำหนดเป้าหมายชัดเจนของแต่ละธุรกิจยังมีส่วนสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานและภาพรวมทางการเงินของบริษัทเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
สำหรับธุรกิจที่สร้างรายได้แบบไม่ประจำ โดยลักษณะการลงทุนแล้วมีระยะเวลาการลงทุนและการรับผลตอบแทนที่สั้นกว่า ดังนั้น โครงการที่จะลงทุนควรมีความยืดหยุ่นตามสภาวะเศรษฐกิจ และต้องมองเห็นโอกาสแม้ในช่วงเวลาที่ท้าทาย ยกตัวอย่างเช่น โครงการคอนโดมิเนียมริมแม่น้ำ “ONE RIVER พระราม 3” คอนโดหรูสูง 33 ชั้น ริมเจ้าพระยา
ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย “สิงห์ เอสเตท” จับมือ “วัน เรียลเอสเตท” ร่วมกันพัฒนา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายกว่าร้อยละ 90 ทั้งที่การเปิดตัวโครงการอยู่ในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่ท้าทายของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปิดโครงการใหม่
จำนวนมาก จึงเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนว่าพันธมิตรทางธุรกิจและการมองหาโอกาสท่ามกลางสภาวะตลาดที่ท้าทาย เป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตในธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น ทิศทางการเติบโตของธุรกิจนี้ จะมุ่งเน้นไปที่การหาผู้ร่วมลงทุนเพื่อต่อยอดเชิงธุรกิจ จากความชำนาญเฉพาะทางของแต่ละฝ่ายที่สามารถเกื้อหนุนกันได้ ในเชิงการเงินก็ช่วยเสริม
ความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงซึ่งกันและกัน
Strength – “แกนการบริหารการเงิน” เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง
ในช่วงปีที่ผ่านมาบริษัทมีความสามารถในการระดมทุนทั้งจากเงินกู้ธนาคารและการออกจำหน่ายหุ้นกู้ รวมกว่า 10,000 ล้านบาทต่อปี โดยมีสัดส่วนเงินกู้ต่อหุ้นกู้ที่อัตรา 80:20 จุดเด่นที่ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากทั้งธนาคารและนักลงทุนในหุ้นกู้ คือระเบียบวินัยทางการเงิน และการบริหารความสัมพันธ์ที่หลากหลายกับผู้ให้เงินทุน ในด้านเงินกู้ธนาคาร บริษัทมีเครือข่ายสถาบันการเงินที่ให้การสนับสนุนมากกว่า 10 แห่ง จากความเชื่อมั่นในศักยภาพของกลุ่มบริษัท ความเชื่อมั่นในโครงการที่พัฒนา และความสามารถในการชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งบริษัทได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว แม้ในช่วงเวลาที่ท้าทายที่สุด เช่น ช่วงวิกฤตโควิด-19
เช่นเดียวกันกับตลาดหุ้นกู้ แม้บริษัทจะเริ่มจัดจำหน่ายหุ้นกู้ได้เพียง 4 ปี แต่ก็สามารถระดมเงินทุนจากตลาดได้แล้วกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นผลจากความไว้วางใจที่ผู้ลงทุนมีต่อบริษัท บริษัทมุ่งเน้นการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในแต่ละปี อย่างมีแบบแผน โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ
จำนวนเงินที่ออกจำหน่ายต้องมีความเหมาะสม สร้างความน่าเชื่อถือในการชำระคืน
อัตราดอกเบี้ยที่กำหนดมีความเหมาะสมกับความเสี่ยงที่ผู้ถือหน่วยได้รับ และเหมาะสมกับสภาวะตลาด
การรักษาช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย เพื่อเข้าถึงทั้งลูกค้าธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ช่องทางการระดมทุนจากทั้งธนาคารและหุ้นกู้มีความเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน การรักษาสมดุลของการระดมทุนผ่านทั้ง 2 ช่องทางจึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน โดยในเบื้องต้นบริษัทวางเป้าหมายสัดส่วนเงินกู้ธนาคารต่อหุ้นกู้ที่ 70:30 นอกจากนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านระเบียบวินัยทางการเงิน แม้แต่ละหน่วยธุรกิจจะไม่มีบทบาทโดยตรงในการจัดหาเงินทุน แต่ผู้บริหารของแต่ละหน่วยธุรกิจมีเป้าหมายในการรักษาอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญของหน่วยธุรกิจ เช่น อัตราส่วนหนี้สินต่อกำไร เพื่อให้ภาพรวมของบริษัทสามารถรักษาเสถียรภาพ และมุ่งสู่การปรับอันดับความน่าเชื่อถือให้ดีขึ้นในอนาคต
Synergy – “แกนการบริหารคน” เปิดรับมุมมองความคิดเห็นคนรุ่นใหม่ 
หากดูสัดส่วนบุคลากรของสิงห์ เอสเตท มีความน่าสนใจอยู่ 2 ประการคือ หากแบ่งตามช่วงอายุพบว่า กว่า 60% ของพนักงานทั้งหมด อยู่ใน Generation Y และ Z หากแบ่งตามตำแหน่งพบว่าเกือบครึ่งหนึ่งของพนักงานทั้งหมด อยู่ในระดับผู้จัดการขึ้นไป หรือเปรียบเทียบได้กับรูปทรงกระบอกที่องค์กรมีหัวหน้าและคนทำงานในจำนวนใกล้เคียงกัน ปัจจัยทั้ง 2 นี้จึงมีบทบาทสำคัญในการวางแผนการบริหารจัดการคน เพื่อสอดคล้องกับการวางรากฐานของธุรกิจที่มั่นคง คือ 1) ทำอย่างไรให้พนักงานใน Generation ใหม่ได้มีส่วนร่วมในการวางแผน กำหนดทิศทาง และดำเนินธุรกิจของบริษัท และ 2) ทำอย่างไรให้รูปร่างของโครงสร้างองค์กรปรับเปลี่ยนเป็นทรงพีระมิด คือให้โอกาสพนักงานที่มีประสบการณ์
ได้เติบโตขึ้นมาเป็นหัวหน้างาน ในขณะเดียวกันองค์กรก็เติมคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงาน
การดำเนินธุรกิจในปัจจุบันในหลายธุรกิจไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ผู้บริหารที่มีประสบการณ์ยาวนานก็จำเป็นต้องปรับตัวตามสภาพการณ์ปัจจุบัน ดังนั้นประสบการณ์ของคนทำงานรุ่นพี่จึงเปรียบได้กับโครงสร้างหรือแกนกระดูกที่มีส่วนสำคัญในการเป็นหลักยึดคนในองค์กรไว้ด้วยกัน มองเห็นปัญหา ความเสี่ยง และมีแนวทางป้องกันโดยอาศัยประสบการณ์
การทำงานอันยาวนาน ส่วนไอเดียของคนรุ่นใหม่เปรียบได้กับล้อรถ ฟันเฟือง เทคโนโลยี หรืออุปกรณ์แกดเจ็ตต่างๆ ที่ล้วนเป็นจุดขาย และเป็นปัจจัยสู่ความสำเร็จของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันที่มีความหลากหลายมากขึ้น ตัวอย่างเช่น การทำโครงการที่พักอาศัย 1 โครงการ ในภาวะปัจจุบัน เราไม่ได้โฟกัสที่การตีตลาด 1 แสนล้านบาท ให้คนทั้งหมดชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรา หากแต่อยู่ที่ว่าเราสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย 40 – 50 คนนั้นได้หรือไม่ ดังนั้น ไอเดียจากคนรุ่นใหม่จึงมีส่วนสำคัญในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว หน้าที่ของบริษัท คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อให้คนกลุ่มนี้กล้าคิด กล้าทำ และกล้าแสดงความคิดเห็น ผู้บริหารในยุคก่อนจึงควรเริ่มคำตอบ
ด้วยการตั้งคำถาม เพื่อเปิดพื้นที่ให้เห็นมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งจะนำไปสู่คำตอบทางธุรกิจที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับโครงสร้างองค์กรของบริษัท การตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ นอกจากการมีพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็นแล้ว ปัจจัยเรื่องความก้าวหน้าทางอาชีพก็เป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการตัดสินใจอยู่ร่วมงานกับองค์กร ดังนั้น การปรับรูปแบบโครงสร้างองค์กรให้ออกเป็นรูปทรงพีระมิด กล่าวคือ หากตำแหน่งบริหารขององค์กรว่างลง การหาบุคลากรทดแทน
อาจเป็นบุคลากรในระดับปฏิบัติการก็เป็นได้ เพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ในองค์กรได้มีความก้าวหน้าในสายอาชีพ การปรับเปลี่ยนดังกล่าวอาจไม่เห็นผลสำเร็จในระยะสั้น แต่มีความจำเป็นในระยะยาว หากเราต้องการสร้างฐานบุคลากรคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีสัดส่วนกว่า 60% ของบริษัท ให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
Sincerity – “แกนการบริหารจัดการความยั่งยืน” ความจริงใจต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม 
ในปัจจุบัน หากกล่าวถึงการวางรากฐานธุรกิจที่มั่นคงแล้ว แกนการวางแผนธุรกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคมย่อมเป็นแกนหลักอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะปัจจัยดังกล่าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ ทั้งในแง่มุมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ลูกค้า ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้มากขึ้น เช่นเดียวกับข้อกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ที่มีความชัดเจนมากขึ้นเช่นกัน สิ่งที่สิงห์ เอสเตท ให้ความสำคัญในการบริหารจัดการ ESG คือการขับเคลื่อนควบคู่ไปกับการเติบโต
ทางธุรกิจที่เป็นรูปธรรมและเห็นผลได้จริง ไม่มุ่งเน้นการทำกิจกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ เพราะหากเป็นกิจกรรมที่ทำ เพื่อการสร้างภาพลักษณ์ ในมุมธุรกิจเราเรียกว่า “ค่าใช้จ่าย” แต่หากเป็นการสร้างสรรค์กิจกรรมที่ส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาสิ่งแวดล้อมและสังคม ในมุมธุรกิจเราเรียกว่า “การสร้างรากฐานที่มั่นคง”
สิงห์ เอสเตท ได้จัดทำแผนพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยเน้นที่ผลลัพธ์ของกิจกรรมที่ทำให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจ ในขณะเดียวกันก็สร้างผลสัมฤทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยเน้นการใช้ทรัพยากรมนุษย์ให้ใช้เวลาศึกษากิจกรรมนั้นๆ เพื่อให้เข้าใจผลสัมฤทธิ์อย่างลึกซึ้ง มากกว่าการใช้งบประมาณที่ทำกิจกรรมแล้วจบเป็นครั้งคราว อาทิ โครงการพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเล ที่โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Hard Rock Hotel Maldives และ SO/ Maldives ในโครงการ CROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์ เราวางแผนอนุรักษ์สิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลอย่างรอบคอบ เช่น เต่าทะเล โลมา ที่เราตรวจพบตั้งแต่ช่วงก่อสร้างโรงแรมในปี 2560 จนปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีฝูงโลมาประจำถิ่น ที่โลมาใช้ทั้งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งเจริญพันธุ์ แหล่งโลมานี้ก็กลับมา
เป็นประโยชน์ในเชิงธุรกิจที่แขกที่มาเข้าพักโรงแรมทั้ง 3 แห่งของบริษัทได้มาเยี่ยมชม 
อีกตัวอย่างหนึ่งคือการขับเคลื่อนโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” ภายใต้การดูแลของกลุ่มสิงห์ เอสเตท ในการปลูกป่าเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนบนพื้นที่กว่า 1,000,000 ตารางเมตร หรือประมาณ 625 ไร่ ที่ สิงห์ปาร์ค เชียงราย หากมองเป็นกิจกรรมปลูกป่าทั่วไป ก็จะกลายเป็นกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR แต่การปลูกป่าของเรา เน้นการใช้ไม้พันธุ์ถิ่น
เพื่อเพิ่มอัตราการอยู่รอดของต้นไม้ที่ปลูก เพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นรูปธรรม
พร้อมกันนั้นเราผูกเชื่อมโยงกิจกรรมสู่ภาคธุรกิจด้วยการริเริ่มโครงการ “Green Button” ซึ่งเป็นกลไกที่เปิดโอกาสให้แขกผู้เข้าพักโรงแรมในเครือ “SAii Hotels & Resorts” ของบริษัท ได้แก่ SAii Laguna Phuket, SAii Phi Phi Island Village,
SAii Koh Samui Villa และ SAii Lagoon Maldives มีส่วนร่วมในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการกดปุ่ม Green Button ในแอปพลิเคชัน เพื่อเลือกที่จะไม่เปลี่ยนผ้าปูที่นอนในแต่ละวัน ช่วยลดการใช้น้ำ พลังงาน และสารเคมีจากกระบวนการซักรีดได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเม็ดเงินจากการประหยัดทรัพยากรเหล่านี้ จะถูกนำมาสนับสนุน
การปลูกป่าในโครงการ “ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว” ซึ่งเป็นการสร้างการมีส่วนร่วมให้ผู้เข้าพักเกิดการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ที่เกี่ยวโยงกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามเทรนด์ของการท่องเที่ยวปัจจุบัน นี่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าหากจะทำให้แกนการจัดการความยั่งยืนหมุนอย่างเต็มที่ ต้องเกิดจากการสร้างกิจกรรมให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งแต่ละกิจกรรมอาจต้องใช้เวลาในการคิด แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาจะทำให้เกิดการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ภาระค่าใช้จ่ายต่อบริษัท
“ทั้งหมดนี้คือ 4 แกนหลักที่ต้องถูกขับเคลื่อนเพื่อการสร้างรากฐานที่มั่นคงของธุรกิจ การเติบโตของธุรกิจที่ยึดมั่นในความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอ สมดุลของแหล่งเงินทุน สมดุลของการเติบโตของบุคลากร รวมถึงสมดุลของสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของบริษัท ให้รองรับแรงเสียดทานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากสภาวะเศรษฐกิจและสังคมปัจจุบัน ท้ายที่สุดเราทุกคนมุ่งมั่นที่จะหาความสมดุลของทั้ง 4 แกน เพื่อให้สิงห์ เอสเตท ได้ตอบแทนไปสู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนของบริษัท และได้ ‘สร้างคุณค่าให้ชีวิตของคุณ’ ตามปรัชญาการดำเนินธุรกิจของเรา
อย่างแท้จริง” ชัยรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย
© 2025 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.