“สมาคมศูนย์การค้าไทย” แสดงวิสัยทัศน์ผลักดันศูนย์การค้า ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

“สมาคมศูนย์การค้าไทย” แสดงวิสัยทัศน์ผลักดันศูนย์การค้า ฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว

3 ก.ย. 2020
สมาคมศูนย์การค้าไทย หรือ TSCA นำเสนอวิสัยทัศน์ขับเคลื่อนประเทศของภาคธุรกิจศูนย์การค้า
เพื่อแสดงพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนช่วยกันเดินหน้าประเทศไทย
เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ และแรงงานให้กลับมามีรายได้ ภายหลังสถานการณ์โควิด
นายนพพร วิฑูรชาติ นายกสมาคมศูนย์การค้าไทย และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ศูนย์การค้า นับเป็นภาคธุรกิจหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป็นสถานที่ที่รวมผู้ประกอบการจำนวนมากกว่า 120,000 ราย
ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงานกว่า 2.4 ล้านคน สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนกว่า 750,000 ล้านบาทต่อปี
ศูนย์การค้าจึงเปรียบเสมือน ‘บ้านหลังใหญ่’ ของผู้ประกอบการทั้งรายเล็กและรายใหญ่
และนับเป็น ‘ต้นน้ำ’ ที่เป็นจุดเริ่มต้นและรวมการค้าขายเอาไว้ จึงมีบทบาทต่อเศรษฐกิจของประเทศในทุกระดับ”
“ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดวิกฤติการณ์โควิดจนถึงปัจจุบัน ภาคธุรกิจศูนย์การค้าได้มีความพยายามช่วยเหลือธุรกิจ SME ของประเทศอย่างต่อเนื่องรวมระยะเวลากว่า 6 เดือน คิดเป็นเม็ดเงินช่วยเหลือเกือบ 2 แสนล้านบาท
อาทิ การลดค่าเช่า 30-100% เพื่อให้ร้านค้ายังคงมีกระแสเงินสดหมุนเวียน และประคองธุรกิจต่อไปได้
ส่งเสริมการขายจัดแคมเปญลดราคา 50-90% รวมไปถึงเปิดพื้นที่การขายฟรีให้ SME และผู้ประกอบอาชีพต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ในครั้งนี้
เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายของผู้บริโภค ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นวิธีประคองธุรกิจในระยะสั้น แต่ไม่เพียงพอให้ธุรกิจอยู่รอดได้อย่างต่อเนื่อง” นายนพพรกล่าว
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ อดีตนายกสมาคมศูนย์การค้าไทย 2 สมัย (ปี 2557-2561) และ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า
“หลังจากที่เราได้ร่วมมือกันแสดงพลังของคนไทยในทุกภาคส่วน ทั้งรัฐบาล บุคคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานต่างๆ ภาคเอกชน ไปจนถึงภาคประชาชน จนฝ่าวิกฤติครั้งใหญ่มาร่วมกันได้
ขณะนี้เพื่อร่วมกันเร่งฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ทางสมาคมศูนย์การค้า จึงขอนำเสนอแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว เพื่อภาครัฐพิจารณารวมเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาประเทศ
โดยขอสรุปวิสัยทัศน์ของภาคธุรกิจศูนย์การค้าเป็น 3 ส่วน ได้แก่ แผนระยะสั้น แผนระยะกลาง และแผนระยะยาว ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้
1) แผนระยะสั้น :
ส่งเสริมธุรกิจ SME ให้สามารถกลับมาค้าขายได้ คงการจ้างงาน และกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย
ด้วยมาตรการออกเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ, ส่งเสริมโครงการช้อปและเที่ยวช่วยชาติ
โดยอนุมัติมาตรการ “ชิม ช้อป ใช้” แจก 3,000 บาทต่อคน พร้อมขยายมายังผู้ค้ารายย่อยในศูนย์อาหาร (Food Center) ให้สามารถเข้าร่วมได้, พิจารณาอนุมัติมาตรการเยียวยาค่าใช้จ่ายผ่านศูนย์การค้าเพื่อช่วยเ หลือ SME ต่อไป ตามข้อเสนอมาตรการเยียวยาโควิด ทั้งด้านภาษีและค่าใช้จ่ายๆ
ตามจดหมายที่สมาคมฯ เคยนำเสนอเมื่อวันที่ 15 เม.ย. และ 29 มิ.ย. 2563
พร้อมขยายระยะเวลามาตรการช่วยเหลือด้านการลงทุน และต่ออายุการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตรา 90% ออกไปถึงปี 2566
2) แผนระยะกลาง :
ส่งเสริมการลงทุนต่อเนื่อง ด้วยการยกระดับธุรกิจศูนย์การค้าให้อยู่ในแผนแม่บทพัฒนาประเทศ
อนุญาตให้ลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษของประเทศ, ส่งเสริม Seamless Connectivity เชื่อมต่ออาคาร, ระบบคมนาคม, สะพานลอย, รถไฟฟ้า, ถนนหลวง ฯลฯ
พิจารณาปรับกฎหมายที่เกี่ยวเนื่องให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตใหม่ และส่งเสริมมาตรการด้านภาษีเพื่อการลงทุน
3) แผนระยะยาว :
ผลักดันให้ศูนย์การค้าไทยเป็นจุดหมายปลายทางของการท่องเที่ยวในระดับโลก
เพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ด้วยการยกระดับคุณภาพและดีไซน์สินค้าของไทยให้ดึงดูดนักท่องเที่ยว ไปพร้อมกับการทยอยปรับลดภาษีสินค้านำเข้า
เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศ เพื่อนบ้านในอาเซียนได้
รวมถึงจัดแคมเปญระดับประเทศเพื่อโปรโมท Attraction & Unique Product ภายในศูนย์การค้า
และการจัดงานส่งเสริมวัฒนธรรมระดับประเทศ (Cultural Event) โดยภาครัฐเป็นเจ้าภาพ เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันส่งเสริม Art / Music / Food ของไทยในศูนย์การค้า
เช่น งาน Bangkok Art Biennale เพื่อทำให้ศูนย์การค้าไทยเป็นสวรรค์แห่งการชอปปิงของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ทั้งนี้กลุ่มเป้าหมายหลักที่ทางสมาคมฯ ผลักดันให้เกิดการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนคือ ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ เพื่อรักษาไว้ซึ่งห่วงโซ่ธุรกิจ ช่วยประคองธุรกิจไม่ให้ปิดกิจการ คงการจ้างงาน ลดอัตราการว่างงาน และกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบ
รวมถึงการแบ่งเบาภาระของผู้ประกอบการจากต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกันทั้งหมด
ทางสมาคมศูนย์การค้าไทยยังเสนอเพิ่มเติมว่า หากภาครัฐผลักดันและดำเนินการตามวิสัยทัศน์ที่นำเสนอดังกล่าวข้างต้น จะช่วยส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ประกอบการธุรกิจศูนย์การค้า ดำเนินตามแผนการลงทุนตามที่ได้วางไว้ที่กว่า 171,000 ล้านบาทภายใน 3 ปีต่อจากนี้ (ประมาณ 57,000 ล้านบาทต่อปี)
ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงสนับสนุนให้เกิดการกระจายรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีตามแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.