จากข้าราชการครู สู่เจ้าของ “วรพร” มะม่วงดอง 100 ล้าน
4 ก.ย. 2020
เคยสงสัยไหมว่า ผลไม้ดองธรรมดาๆ ที่ขายตามถนนริมทางเพียงไม่กี่สิบบาท
หากปั้นแบรนด์ จนสามารถนำไปวางจำหน่ายที่ 7-Eleven ทั่วประเทศได้
จะสร้างรายได้มากขนาดไหน ?
หากปั้นแบรนด์ จนสามารถนำไปวางจำหน่ายที่ 7-Eleven ทั่วประเทศได้
จะสร้างรายได้มากขนาดไหน ?
งั้นเรามาหาคำตอบกันผ่าน มะม่วงดอง “วรพร”
ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกในการนำผลไม้เข้าวางจำหน่ายใน 7-Eleven เป็นรายแรกๆ ของประเทศ
ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกในการนำผลไม้เข้าวางจำหน่ายใน 7-Eleven เป็นรายแรกๆ ของประเทศ
มะม่วงดอง วรพร ก็มีจุดเริ่มเหมือนกับหลายๆธุรกิจ คือ มาจากชาวจีนอพยพ
ซึ่งในที่นี้คือ คุณไต่ไห้ แซ่โค้ว ที่ได้นั่งเรือสำเภาข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาจากซัวเถา
และตั้งรกรากที่ จ.ฉะเชิงเทรา ประเทศไทย
ซึ่งในที่นี้คือ คุณไต่ไห้ แซ่โค้ว ที่ได้นั่งเรือสำเภาข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาจากซัวเถา
และตั้งรกรากที่ จ.ฉะเชิงเทรา ประเทศไทย
โดยในช่วงฤดูร้อน คุณไต่ไห้ ได้สังเกตเห็นว่า
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จะมีผลผลิตมะม่วงออกเป็นจำนวนมาก และทำให้มะม่วงมีราคาถูก
เขาจึงเกิดความคิดอยากดองมะม่วงใส่โหลแก้วขายหน้าบ้าน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
พร้อมกับเอาความรู้เรื่องการแปรรูปผักผลไม้ ที่ติดตัวสมัยอยู่ซัวเถามาใช้
ที่ จ.ฉะเชิงเทรา จะมีผลผลิตมะม่วงออกเป็นจำนวนมาก และทำให้มะม่วงมีราคาถูก
เขาจึงเกิดความคิดอยากดองมะม่วงใส่โหลแก้วขายหน้าบ้าน เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว
พร้อมกับเอาความรู้เรื่องการแปรรูปผักผลไม้ ที่ติดตัวสมัยอยู่ซัวเถามาใช้
อย่างไรก็ดี จุดเปลี่ยนสำคัญของกิจการมะม่วงดองจริงๆ
จะเกิดขึ้นในรุ่นของคุณชัยรัตน์ โสธรนพบุตร ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2
จะเกิดขึ้นในรุ่นของคุณชัยรัตน์ โสธรนพบุตร ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 2
แรกเริ่มเดิมที่ คุณชัยรัตน์ ไม่อยากทำกิจการขายมะม่วงต่อจากที่บ้าน
เนื่องจากมองว่าเป็นอาชีพที่ลำบาก จึงเลือกหันสู่เส้นทางอาชีพข้าราชการครู
เนื่องจากมองว่าเป็นอาชีพที่ลำบาก จึงเลือกหันสู่เส้นทางอาชีพข้าราชการครู
และจะขายมะม่วงเป็นอาชีพเสริมเท่านั้น โดยใช้เวลาว่างในวันหยุด
ทำมะม่วงดอง และตระเวนส่งขายตามร้านค้าต่างๆ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เช่น ร้านของฝาก ร้านตามปั๊มน้ำมัน
ทำมะม่วงดอง และตระเวนส่งขายตามร้านค้าต่างๆ ใน จ.ฉะเชิงเทรา เช่น ร้านของฝาก ร้านตามปั๊มน้ำมัน
ซึ่งทำแบบนี้มาเป็นระยะเวลา 3-4 ปี จนรายได้เสริมจากการขายมะม่วง มากกว่าเงินเดือนครู
ในปี พ.ศ. 2529 คุณชัยรัตน์ เลยตัดสินใจลาออกจากราชการครู แล้วหันมาลุยธุรกิจมะม่วงเต็มตัว
โดยนำเงินเก็บทั้งชีวิตประมาณ 1 ล้านบาท มาลงทุนซื้อมะม่วงดองเตรียมไว้สำหรับขายทั้งปี
แต่ปรากฏว่าขายดีเกินคาด ซึ่งขายหมดภายใน 3 เดือน..
โดยนำเงินเก็บทั้งชีวิตประมาณ 1 ล้านบาท มาลงทุนซื้อมะม่วงดองเตรียมไว้สำหรับขายทั้งปี
แต่ปรากฏว่าขายดีเกินคาด ซึ่งขายหมดภายใน 3 เดือน..
คุณชัยรัตน์ จึงเดินหน้าลงทุนเพิ่มอีกทันที 3 ล้านบาท
ซื้อที่ดินจำนวน 1 ไร่ และสร้างโรงงานขนาดย่อม เพื่อขยายการกำลังผลิต
ซื้อที่ดินจำนวน 1 ไร่ และสร้างโรงงานขนาดย่อม เพื่อขยายการกำลังผลิต
พร้อมกับพัฒนากระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน
นำมะม่วงมาบรรจุแพ็กเกจจิงแบบปิด
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะม่วงดองธรรมดา สู่ผลไม้แปรรูปเกรดพรีเมียม
และตั้งชื่อแบรนด์ของตัวเองว่า “วรพร”
นำมะม่วงมาบรรจุแพ็กเกจจิงแบบปิด
เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับมะม่วงดองธรรมดา สู่ผลไม้แปรรูปเกรดพรีเมียม
และตั้งชื่อแบรนด์ของตัวเองว่า “วรพร”
โดยสาเหตุที่คุณชัยรัตน์ ต้องลงทุนทำขนาดนี้ เพราะเขามองว่า หากขายมะม่วงดองแบบเดิมๆ
ก็จะไม่สามารถขยายตลาดให้กว้างขึ้นได้
ก็จะไม่สามารถขยายตลาดให้กว้างขึ้นได้
และหลังจากดำเนินธุรกิจไปสักพัก
ทาง 7-Eleven ก็ได้มีการติดต่อเข้ามา เพื่อให้นำมะม่วงของ วรพร เข้าไปวางจำหน่าย
ซึ่งตอนนั้น 7-Eleven มีเพียงประมาณ 80 สาขา
ทาง 7-Eleven ก็ได้มีการติดต่อเข้ามา เพื่อให้นำมะม่วงของ วรพร เข้าไปวางจำหน่าย
ซึ่งตอนนั้น 7-Eleven มีเพียงประมาณ 80 สาขา
แต่ปัจจุบัน 7-Eleven มีมากกว่า 12,000 สาขาทั่วประเทศไทย
วรพร จึงเติบโตอย่างรวดเร็วตามการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
และรูปแบบวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนสังคมเมือง
วรพร จึงเติบโตอย่างรวดเร็วตามการขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
และรูปแบบวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนสังคมเมือง
นอกจากนี้ การเข้า 7-Eleven ยังช่วยทำให้ภาพลักษณ์ของ วรพร น่าเชื่อถือขึ้นในสายตาผู้บริโภค
เนื่องจากในสมัยก่อน คนส่วนใหญ่มักรู้สึกว่ามะม่วงดองเป็นของกินที่ขาดความสะอาด
เนื่องจากในสมัยก่อน คนส่วนใหญ่มักรู้สึกว่ามะม่วงดองเป็นของกินที่ขาดความสะอาด
ดังนั้นการที่สินค้าถูกวางจำหน่ายในร้าน 7-Eleven ซึ่งมีมาตรฐานค่อนข้างสูง
จึงเป็นการช่วยการันตีเรื่องความปลอดภัยของสินค้าได้ในระดับหนึ่ง
จึงเป็นการช่วยการันตีเรื่องความปลอดภัยของสินค้าได้ในระดับหนึ่ง
แล้วปัจจุบัน วรพร มีรายได้มากขนาดไหน ?
บริษัท ผลไม้แปรรูปวรพร จำกัด
ปี 2560 มีรายได้ 96 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 105 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 128 ล้านบาท กำไร 9 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้ 96 ล้านบาท กำไร 4 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 105 ล้านบาท กำไร 5 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 128 ล้านบาท กำไร 9 ล้านบาท
รายได้เติบโตเฉลี่ย 15.5% ต่อปี และกำไรโตเฉลี่ย 50.0% ต่อปี
ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 50% มาจากช่องทางร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven
40% มาจากการส่งออกไปจีน และอื่นๆ อีก 10%
40% มาจากการส่งออกไปจีน และอื่นๆ อีก 10%
โดย วรพร แปรรูปมะม่วงสดได้ปีละกว่า 2,000 ตัน
และผลิตสินค้าในรูปแบบทั้ง มะม่วงแปรรูป, มะม่วงกวนอบแห้ง และมะม่วงแช่อิ่ม
และผลิตสินค้าในรูปแบบทั้ง มะม่วงแปรรูป, มะม่วงกวนอบแห้ง และมะม่วงแช่อิ่ม
ส่วนสาเหตุที่ วรพร ค่อนข้างเป็นที่นิยมในประเทศจีน
เพราะว่าที่ประเทศจีน มะม่วงจะมีราคาสูง
ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปลูกมะม่วง
ทำให้ผลผลิตน้อย และไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวจีน
เพราะว่าที่ประเทศจีน มะม่วงจะมีราคาสูง
ซึ่งเป็นผลมาจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อการปลูกมะม่วง
ทำให้ผลผลิตน้อย และไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวจีน
วรพร จึงมีราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งในจีน แถมสินค้ายังมีคุณภาพดี
ทำให้จีนนิยมนำเข้ามะม่วงของ วรพร เป็นจำนวนมาก
ทำให้จีนนิยมนำเข้ามะม่วงของ วรพร เป็นจำนวนมาก
ปัจจุบัน วรพร ถูกบริหารงานโดยทายาทรุ่นที่ 3 ก็คือ คุณชัยพร โสธรนพบุตร
ซึ่งคุณชัยรัตน์ ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 2 เล่าว่า เขาจะปลูกฝังลูกๆ ของเขา หรือคุณชัยพร
ผ่านการทำงานจริง โดยให้เรียนรู้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เด็ก
ผ่านการทำงานจริง โดยให้เรียนรู้ทุกขั้นตอนตั้งแต่เด็ก
อย่างในช่วงปิดเทอม เขาก็จะไม่ส่งลูกไปเรียนพิเศษ
แต่จะให้ลูกๆ มาเรียนรู้ธุรกิจ และให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำมะม่วงดองทุกขั้นตอนแทน
แต่จะให้ลูกๆ มาเรียนรู้ธุรกิจ และให้เข้ามามีส่วนร่วมในการทำมะม่วงดองทุกขั้นตอนแทน
ส่วนเรื่องการศึกษา ก็จะชี้แนะให้เลือกเรียนสาขาที่สามารถต่อยอดธุรกิจครอบครัวได้
ทั้งนี้ ในยุคของคุณชัยพร ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3
ได้มีการพัฒนาเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น มะม่วงกวนอบ, มะม่วงแช่อิ่มแบบตัดเป็นชิ้น
พร้อมกับอัปเกรดแพ็กเกจจิงให้สวยงามขึ้น และมีภาษาอังกฤษกำกับ เพื่อหวังเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่
ได้มีการพัฒนาเพื่อออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น มะม่วงกวนอบ, มะม่วงแช่อิ่มแบบตัดเป็นชิ้น
พร้อมกับอัปเกรดแพ็กเกจจิงให้สวยงามขึ้น และมีภาษาอังกฤษกำกับ เพื่อหวังเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่
กรณีศึกษาของ “วรพร”
ทำให้รู้ว่า โอกาสทางธุรกิจมีอยู่ทุกที่รอบตัวเรา
ทำให้รู้ว่า โอกาสทางธุรกิจมีอยู่ทุกที่รอบตัวเรา
ถึงจะเป็นสินค้า หรือวัตถุดิบพื้นๆ ราคาไม่สูง
แต่หากมองเห็นคุณค่าของมัน
รู้จักนำมาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้
แต่หากมองเห็นคุณค่าของมัน
รู้จักนำมาต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่ม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้
บวกกับการหาช่องทางจัดจำหน่าย และตลาดที่มีศักยภาพมากพอ
คนธรรมดาๆ กับสินค้าพื้นๆ ที่ถูกอัปเกรดมาอย่างดี
ก็อาจสามารถสร้างรายได้หลัก 100 ล้านบาท ได้เหมือน วรพร..
ก็อาจสามารถสร้างรายได้หลัก 100 ล้านบาท ได้เหมือน วรพร..
Tag:วรพร