เถ้าแก่น้อย เผยกลยุทธ์ธุรกิจ หลังจับมือ “ฉุน ชุ่ย เฮอ” แบรนด์ชานมไต้หวันยอดฮิต

เถ้าแก่น้อย เผยกลยุทธ์ธุรกิจ หลังจับมือ “ฉุน ชุ่ย เฮอ” แบรนด์ชานมไต้หวันยอดฮิต

14 ธ.ค. 2020
ประเทศไทย คือประเทศแรกที่ได้สิทธิ์ในการตั้งโรงงานผลิตชานม ฉุน ชุ่ย เฮอ นอกเหนือจากโรงงานเดิม ที่ผลิตเฉพาะในประเทศสิงคโปร์ และฮ่องกง
โดยความร่วมมือระหว่าง บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด กับ บริษัท ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด จำกัด เจ้าของแบรนด์ชานม ฉุน ชุ่ย เฮอ หรือ Just Drink
ในระยะเริ่มต้น 1-2 ปีแรก คือ การเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจร่วมกัน (Strategic Alliance Agreement) ซึ่งความพิเศษของดีลนี้เกิดขึ้นเพื่อ
-สำรวจความพร้อมของตลาดชานมพร้อมดื่มในระยะ 1-2 ปีแรก หากได้รับผลตอบรับที่ดี ก็จะมีการเซ็นสัญญาเป็นพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจร่วมกันในขั้นต่อไป
-แบ่งค่าใช้จ่ายร่วมกันระหว่าง 2 บริษัท
-รายได้จากการขายชานมเป็นของบริษัท เถ้าแก่น้อย แต่เพียงผู้เดียว
แต่บริษัท ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ดได้ผลตอบแทนในรูปแบบ Royalty Fees แทน
-บริษัท ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด มองประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง ในการกระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ทั้งนี้ แผนการทำธุรกิจของเถ้าแก่น้อย ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นไป สามารถสรุปได้ดังนี้
เป้าหมายระยะสั้น คือ การขยายกำลังผลิตจากเดิมในช่วงแรก ที่มีกำลังการผลิต 30,000 ขวดต่อวัน ส่งขายให้ 7-Eleven จำนวน 6,000 สาขา (เท่ากับแต่ละสาขาได้โควต้าเพียง 5 ขวดเท่านั้น) ภายในกลางปีหน้าจะค่อยๆ ขยายกำลังผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60,000-150,000 ขวดต่อวัน กระจายไปให้ครบใน 7-Eleven จำนวน 12,000 สาขาทั่วประเทศ
ส่วนเป้าหมายระยะยาว คือ การปรับพอร์ตโฟลิโอ จากเดิมที่สัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์สาหร่าย (Seaweed Snack) คิดเป็น 90%, อาหารเสริมและเครื่องดื่ม 10%
จะปรับให้เป็นสัดส่วน 80 : 20 ภายใน 5 ปี
โดยโฟกัสตลาดต่างประเทศ 60% และตลาดในประเทศ 40%
ซึ่งการจะไปให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ คุณอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ CEO เถ้าแก่น้อย ได้แชร์แนวคิดที่น่าสนใจว่า “เรื่องตัวเลขไม่ว่าจะเป็นรายได้หรือกำไร เป็นเรื่องรอง สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือเทรนด์ในอนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้นในตลาดขนมและเครื่องดื่ม นั่นก็คือ กระแสของตลาดเนื้อจากพืช (Plant-based) หรือตลาดอาหารเพื่อสุขภาพ”
สิ่งที่เถ้าแก่น้อยต้องทำคือ โฟกัสให้กว้าง แต่ยังต้องเป็นธุรกิจที่เรายังเชี่ยวชาญอยู่ และการมีพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจยิ่งเป็นหัวใจหลัก เพราะเราเก่งและมี Know-how ด้านโรงงานขนม
แต่ถ้าเป็นโรงงานน้ำ เราต้องเริ่มต้นใหม่ทั้งหมด การร่วมมือกันกับ ไต้หวัน บิฟิโด ฟู้ด ก็เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง ถูกที่ และถูกเวลา ณ ตอนนี้”
การทำธุรกิจของเถ้าแก่น้อย ไม่ได้มองแค่ตลาดขนม แต่มองภาพใหญ่ และวางแผนในการเข้าไปเจาะตลาดใหม่ๆ ตามเทรนด์โลกที่เกิดขึ้นและมีวี่แววที่จะขยายเข้ามาในประเทศไทย
โดย Core Value หลักที่เถ้าแก่น้อยยึด คือ 3 GO
1) Go Firm ทำองค์กรให้ Lean เพื่อความคล่องตัวและเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
2) Go Broad ขยายธุรกิจไปในกลุ่มสินค้าใหม่ โดยยังยึดความเชี่ยวชาญของตัวเอง เพื่อกระจายความเสี่ยง
3) Go Global คิดธุรกิจที่รองรับตลาดโลก เช่น สาหร่าย โดยมองหาโอกาสใหม่ในวัฒนธรรมการกินของประเทศต่างๆ ที่จะทำอย่างไรให้คนบริโภคสาหร่ายมากขึ้น
การเข้ามาเล่นในตลาดเครื่องดื่มชานม แบรนด์ ฉุน ชุ่ย เฮอ คือ ตัวชูโรง
ซึ่งในอนาคตจะมีการออกรสชาติใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มรูปแบบใหม่เพิ่มเติมอีก
จะว่าไปแล้วการทำธุรกิจของบริษัทใหญ่ สิ่งที่ท้าทายไม่ใช่รายได้หรือกำไร แต่เป็นการมองอนาคตว่าเราจะทำอะไรต่อ และจะขยายธุรกิจไปสู่จุดไหน
และความท้าทายที่สุด คือวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างทางของการทำธุรกิจ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่า อนาคตจะเกิดวิกฤติที่ร้ายแรงกว่าโควิด 19 บ่อยแค่ไหน หรือทิ้งช่วงนานเท่าไร
แต่ถ้าผ่านพ้นไปได้ ก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า คุณคือของจริง..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.