กรณีศึกษา “ฉั่วฮะเส็ง” แบรนด์น้ำพริกเผา 800 ล้าน

กรณีศึกษา “ฉั่วฮะเส็ง” แบรนด์น้ำพริกเผา 800 ล้าน

22 ธ.ค. 2020
สมมติวันหนึ่ง มีเพื่อนจากต่างแดนมาเยี่ยมเยือนเรา แล้วเพื่อนคนนี้บอกว่า ตัวเขาอยากได้อะไรสักอย่าง เป็นของฝากจากเมืองไทย เพื่อเอาไปให้กับเพื่อนๆ ที่ประเทศบ้านเกิด
และคำขอนั้น ทำให้เราได้สร้างสินค้าตัวหนึ่งขึ้นมา ที่เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล ซึ่งปัจจุบันสินค้าตัวนั้น สร้างยอดขายได้หลักหลายร้อยบาทต่อปี..
รู้ไหมว่า เรื่องสมมติที่กล่าวไปทั้งหมด เป็นจุดเริ่มต้นของ “ฉั่วฮะเส็ง” แบรนด์น้ำพริกเผาชื่อดัง ประจำครัวของคนไทย
ตั้งแต่ตอนนั้น ถึงตอนนี้ ฉั่วฮะเส็ง มีประวัติความเป็นมายาวนานมากกว่า 70 ปีแล้ว
และธุรกิจก็เติบโตต่อเนื่องทุกๆ ปี
บริษัท ฉั่วฮะเส็ง ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด
ปี 2560 มีรายได้ 365 ล้านบาท กำไร 15 ล้านบาท
ปี 2561 มีรายได้ 580 ล้านบาท กำไร 105 ล้านบาท
ปี 2562 มีรายได้ 839 ล้านบาท กำไร 200 ล้านบาท
รายได้เติบโตเฉลี่ย 52% ต่อปี และกำไรเติบโตเฉลี่ย 265% ต่อปี
โดยมีสัดส่วนรายได้จากภายในประเทศอยู่ที่ 70% และต่างประเทศ 30%
ทั้งนี้ ทุกๆ ยอดขาย 100 บาทของบริษัทฯ
จะเป็นต้นทุนสินค้า 56 บาท
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 14 บาท
ดอกเบี้ยจ่ายและภาษี 6 บาท
กำไร 24 บาท
ฉั่วฮะเส็ง เป็นธุรกิจของครอบครัว พรหมบันดาลกุล
และปัจจุบัน ถูกบริหารธุรกิจโดยทายาทรุ่นที่ 3
ซึ่งจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ต้องย้อนกลับไปรุ่นของอากง
ตอนนั้น อากง มีเพื่อนชาวจีนแวะมาเยี่ยมที่เมืองไทย และเพื่อนคนนี้อยากได้ของฝากจากไทย เอาไปฝากเพื่อนๆ ที่จีน
อากง เลยลองทำน้ำพริกเผาดู เพื่อเป็นของฝากเล็กๆ น้อยๆ ให้กับเพื่อนของเขาพกติดมือกลับบ้าน
แล้วปรากฏว่า ทุกคนที่ได้ลองชิมน้ำพริกเผานี้ รู้สึกชื่นชอบในรสชาติ
อากง เลยได้แรงบันดาลใจ และตัดสินใจว่าจะทำน้ำพริกเผาขายแบบจริงจัง
โดยเรียนรู้ขั้นตอนการทำน้ำพริกเผาต่างๆ อย่างละเอียด และปรับปรุงสูตร จนกว่าจะเป็นที่พอใจ
และในที่สุดก็ได้เปิดร้านขายน้ำพริกเผาเล็กๆ ในย่านตลาดเก่าเยาวราช
ด้วยสูตรลับเฉพาะที่คิดค้นขึ้น จนได้น้ำพริกเผารสชาติกลมกล่อม ถูกปากคนไทย
ทำให้เป็นที่ถูกปากถูกใจ เชฟและพ่อครัวแม่ครัว จำนวนมาก
และนิยมถูกนำไปใช้ในร้านอาหารต่างๆ
เมื่อยอดขายน้ำพริกเผาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องสร้างแบรนด์อย่างจริงจัง เพื่อให้สินค้าน่าเชื่อถือ และผู้บริโภคจดจำ โดยได้ตั้งชื่อแบรนด์ว่า “ฉั่วฮะเส็ง”
รวมถึงโฟกัสกับกลุ่มลูกค้าธุรกิจร้านอาหาร, ภัตตาคารและโรงแรม เป็นหลัก (B2B)
ทำให้แพ็กเกจจิงน้ำพริกเผาของฉั่วฮะเส็ง ถูกออกแบบมาเป็นกระป๋องโลหะที่มีขนาดใหญ่ เพื่อที่จะสามารถใช้ในปริมาณมากๆ ได้ สำหรับทำอาหารในทุกๆ วัน
ต่อมาในปี พ.ศ. 2534 จากธุรกิจครอบครัวเล็กๆ ก็ได้จดทะเบียนจัดตั้งเป็น บริษัท ฉั่วฮะเส็ง ฟู้ดโปรดักส์ จำกัด
และหลังจากนั้น ฉั่วฮะเส็ง ก็ไม่หยุดที่จะขยายกิจการ
เมื่อแบรนด์ติดตลาดในกรุงเทพฯ แล้ว ก็เริ่มขยายตลาดไปยังต่างจังหวัด
พร้อมกับแตกไลน์สินค้าใหม่ๆ เพิ่ม ไม่ว่าจะเป็น น้ำจิ้มไก่, น้ำจิ้มบ๊วยกอ, ซอสพริก, น้ำจิ้มสุกี้ และซอสมะเขือเทศ
โดยกลุ่มลูกค้าหลัก ยังคงเป็นร้านอาหาร, ภัตตาคารและโรงแรม เช่นเดิม
แต่จุดเปลี่ยนของแบรนด์ก็มาถึง..
เมื่อ ฉั่วฮะเส็ง ตัดสินใจหันมาจับกลุ่มผู้บริโภครายย่อยกันมากขึ้น (B2C)
ด้วยการเปิดตัว น้ำพริกเผาที่มีแพ็กเกจจิงเป็นขวดแก้วใส ซึ่งมีขนาดเล็กลง
จากเดิมที่มีเฉพาะแพ็กเกจจิงกระป๋องโลหะ ขนาดใหญ่
เพื่อให้สะดวกต่อการใข้งาน และจัดเก็บง่าย ตอบโจทย์กลุ่มคนทั่วไป ซึ่งทำอาหารที่บ้าน หรือคอนโดฯ
การรุกตลาดผู้บริโภครายย่อย (B2C) ของฉั่วฮะเส็ง ได้เป็นตัวเร่งการเติบโตของธุรกิจชั้นดี
เนื่องจากตลาดนี้ เป็นตลาดที่ใหญ่ไม่แพ้ หรืออาจใหญ่กว่า ตลาด B2B เดิมของแบรนด์
อีกทั้งแบรนด์และสินค้าของ ฉั่วฮะเส็ง ก็เป็นที่ยอมรับและชื่นชอบของผู้บริโภคอยู่แล้ว
ฉั่วฮะเส็ง จึงประสบความสำเร็จในตลาดนี้ได้ไม่ยาก
เพียงแค่ขยายช่องทางกระจายสินค้าไปยังลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมมากที่สุด
และปัจจุบัน ฉั่วฮะเส็ง ยังคงปรับตัวต่อเทรนด์ตลาดที่เปลี่ยนไป และพยายามเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้น
โดยล่าสุด ได้ออกสินค้าใหม่ “ฉั่วฮะเส็ง สควีซ” สูตรสำหรับทาขนมปัง
ซึ่งชูจุดเด่น คือ เป็นน้ำพริกเผาแบบหลอดบีบ
และผลิตจากน้ำมันรำข้าว 100% ไม่ใส่สี ไม่ใส่ผงชูรส
โดยสาเหตุที่ทำน้ำพริกเผาแบบหลอดบีบ เนื่องจากเห็นว่าคนรุ่นใหม่ เป็นกลุ่มคนที่ชอบความแปลกใหม่ และสะดวกสบาย
รวมถึงยังมีพฤติกรรมการบริโภคน้ำพริกอยู่ 3 รูปแบบ คือ ต้ม, ผัด และทาขนมปัง
สินค้าตัวใหม่นี้จึงน่าจะโดนใจและตอบโจทย์กลุ่มคนรุ่นใหม่ นั่นเอง
นอกจากตลาดในประเทศแล้ว สำหรับตลาดในต่างประเทศ
ฉั่วฮะเส็ง ได้ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายในอีก 15 ประเทศทั่วเอเชีย
และมีแผนจะขยายไปยังโซนอเมเริกา และยุโรป ต่อไปในอนาคต
สรุปแล้ว ความสำเร็จและความยั่งยืนของ ฉั่วฮะเส็ง
เกิดจาก 2 แนวคิดสำคัญ คือ
“การรักษาคุณภาพ”
ฉั่วฮะเส็ง มีการรักษาคุณภาพของวัตถุดิบ และรสชาติของสินค้า ให้มีคุณภาพอยู่ตลอดเวลา มานานกว่า 70 ปี
“ความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลง”
ฉั่วฮะเส็ง มีการปรับสินค้าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้สอดคล้องกับตลาดและพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป
เช่น การทำน้ำพริกเผาแบบขวดใส หรือ แบบหลอดบีบ เพื่อแสวงหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยไม่ยึดติดกับจุดยืน หรือภาพลักษณ์เดิมๆ ของแบรนด์..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.