กรณีศึกษา กสิกรไทยปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ตั้งเป้าปี 2567 โต 5 เท่า เพื่อเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค

กรณีศึกษา กสิกรไทยปรับเปลี่ยนครั้งใหญ่ ตั้งเป้าปี 2567 โต 5 เท่า เพื่อเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค

14 ธ.ค. 2021
ในปี 2564 ที่มีโรคระบาดยืดเยื้อ ทำให้หลายธุรกิจจำต้องปิดตัว บ้างก็เจ็บตัวอย่างหนัก
ยิ่งเป็นธุรกิจที่ใคร ๆ ต่างมองว่ากำลังจะถูก Disrupt อย่างธนาคารพาณิชย์ด้วยแล้ว
คงทำให้ใครหลายคนกำลังจับตามองกันไม่น้อย เลยทีเดียว
แต่เชื่อหรือไม่ว่า กสิกรไทย ใช้ช่วงเวลาช่วงเดียวกันนี้
เดินหน้ารุกธุรกิจตลาดภูมิภาค จนสามารถคว้าลูกค้ามาอยู่ในมือ 1.6 ล้านรายได้สำเร็จ
และยังวางเป้าหมายจะเติบโตแบบ 5X สู่การเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค ภายในปี 2567
แน่นอนว่า เส้นทางการเติบโตนี้ คงไม่ได้เห็นแต่แผนขยายสาขาให้บริการแบบเดิม ๆ
แต่จะเป็นการขยายตัวในรูปแบบดิจิทัลที่เหนือกว่า FinTech ใด ๆ ทั้งปวง
โดยทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นภายใต้แนวคิด The Metamorphosis
หรือก็คือ การเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด ไร้รอยต่อ และไร้ขอบเขต
ที่จะทำให้กสิกรไทยเกิดการเปลี่ยนแปลง การพัฒนาอย่างรวดเร็ว และมีความแตกต่าง
พูดง่าย ๆ กสิกรไทยจะกลายเป็นมากกว่าธนาคาร หรือ Beyond Banking
และเข้าไปอยู่ในทุกจังหวะชีวิตของลูกค้าธุรกิจ และลูกค้ารายย่อยในยุค Digital Ecosystem
ทีนี้ เราลองมาเจาะลึกแนวคิด The Metamorphosis หรือการเติบโตผ่านการเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างรวดเร็วตามเป้าธุรกิจที่ท้าทาย ภายใต้ 3 วิสัยทัศน์หลักแบบไร้ขีดจำกัด (Limitless) ไร้รอยต่อ (Seamless) และไร้ขอบเขต (Borderless) กัน
เริ่มต้นด้วย “Limitless Opportunity” หรือโอกาสการเติบโตอย่างไร้ขีดจำกัด
โดยกสิกรไทยจะไม่ติดกรอบอยู่แค่การทำธุรกิจในประเทศไทย แต่การเติบโตจะเกิดขึ้นได้ในทั่วภูมิภาค AEC +3 (จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้)
หากใครติดตามข่าวล่าสุด กสิกรไทยได้เปิดสาขาที่นครโฮจิมินห์ในเวียดนาม
หลังจากก่อนหน้านี้เปิดสาขาบริการเรียบร้อยแล้วในสปป.ลาว, กัมพูชา รวมทั้งจีน
ที่น่าสนใจก็คือ กสิกรไทย ไม่ได้มองเห็นแค่โอกาสในการบุกตลาดต่างประเทศ
แต่ยังมองลึกไปถึงโอกาสที่กำลังจะเกิดขึ้นจาก 4 บริบทใหม่ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก อย่างเช่น
- Decoupling การแบ่งสองขั้วมหาอำนาจของจีนและสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้ อาเซียน จะได้รับผลประโยชน์จากการเชื่อมต่อสองห่วงโซ่สำคัญของโลก
- Regionalization 2.0 อย่างเช่นการย้ายฐานการผลิตสินค้าที่ใช้แรงงานเข้มข้น จากจีนไปยังประเทศอื่น
เรื่องนี้กำลังทำให้ห่วงโซ่อุปทานของธุรกิจต่าง ๆ กำลังเปลี่ยนไป
- Next-Gen Digitalization หรือก็คือ การขับเคลื่อนและสร้างโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถของ SMEs และยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีมากขึ้น เช่น 5G, Big Data, Metaverse
- Decarbonization หลากหลายประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญเรื่อง ESG และความยั่งยืน
ทำให้ตลาดทุนที่พร้อมสนับสนุนด้านการลดสภาวะโลกร้อน (Green Banking Market) และตลาดคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จะกลายเป็นโอกาสที่ดี
ทีนี้ หากย้อนกลับมามองในประเทศไทย
ปัจจุบันผู้ส่งออกไทยมีเพียง 2% ที่เป็นไปตามมาตรฐานด้านคาร์บอน
นั่นหมายความว่าอีก 98% คือโอกาสมหาศาลที่กสิกรไทยจะเข้าช่วยเหลือผู้ประกอบการส่งออก
ภาพรวมด้าน ESG จึงกลายเป็น New S-Curve ที่กำลังมา
นอกจากนี้ ยังมองว่าประเทศไทยมีโอกาสจะก้าวไปสู่เบอร์ 1 ในอาเซียนด้าน Crypto Economy อีกด้วย
ซึ่งแน่นอนว่า การพัฒนาด้านเทคโนโลยีคือแรงขับเคลื่อนสำคัญ
กสิกรไทยจึงมีแนวคิด “Seamless Connectivity” หรือก็คือ การเติบโตอย่างไร้รอยต่อ เชื่อมต่อธุรกิจด้วยเทคโนโลยีระดับโลก
รู้หรือไม่ว่า ประเทศจีนในแต่ละปี จะมีบัณทิตจบใหม่ด้าน STEM
หรือก็คือด้านวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineer) และ คณิตศาสตร์ (Mathematics) เป็นจำนวนกว่า 1.4 ล้านคน
กำลังพลขับเคลื่อนโลกใหม่นี้เอง คือหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ กสิกรไทย เลือกก่อตั้ง KTECH ในเมืองเซินเจิ้น ในปี 2563 โดยจดทะเบียนเป็นบริษัท FinTech ไม่ใช่ธนาคาร
เพียงปีแรกก็ได้จับมือไปแล้วกว่า 7 พันธมิตรในประเทศจีน
ดำเนินงานไปแล้วกว่า 14 โครงการ ครอบคลุมธุรกรรมการเงิน ทั้งด้านการปล่อยกู้ เงินฝาก การชำระเงิน
และยังมีแผนเพิ่มทีมงานให้ใหญ่ขึ้นถึง 12 เท่า ภายในปี 2569
เป้าหมายสำคัญที่ต้องการจะคว้ามาไว้ในมือคือ การเป็นผู้นำด้าน FinTech ระดับโลก
และการเป็นศูนย์กลาง Ecosystem ทางการเงินในระดับภูมิภาค
มาถึงตรงนี้ ถ้าจะบอกว่า กสิกรไทย จะอาศัยเพียง 2 องค์ประกอบ
คือการมองหาโอกาส และการพัฒนาเทคโนโลยีก็คงจะไม่ผิด
แต่ก็ไม่ได้ถูกสักทีเดียว หากลืมคำนึงถึงความสำคัญของ “บุคลากร”
ปัจจุบันกระบวนการทำงานของ กสิกรไทย ไม่ต่างจากเหล่า FinTech
ไม่ว่าจะเป็น โอเบย่า (Obeya) ห้องแสดง Dashboard เพื่อให้เห็นภาพเดียวกันว่าตอนนี้ทีมเดินอยู่จุดไหนของแผนธุรกิจ การแบ่งทีมย่อยเป็น Squad เพื่อรับผิดชอบงานแต่ละโปรเจกต์ไปพร้อมกัน
การใช้หลัก Agile หรือการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นผู้นำโปรเจกต์
อีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญของกสิกรไทย คือการเป็นองค์กรในฝันของ Top Talent ทั่วโลก
อย่างในส่วนของ World Business Group (WBG) ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนพนักงานเป็น 1,037 คนในปี 2565 หรือเพิ่มขึ้นถึง 52% จากปี 2563
ด้วยแนวคิด “World of Borderless Growth” คือการเติบโตอย่างไร้ขอบเขต ไปพร้อมกับศักยภาพ
เพื่อสื่อสารให้คนรุ่นใหม่เห็นโอกาสในการเติบโตอย่างไร้ขอบเขตทุกมิติ ประกอบด้วย
- Personal Growth การเติบโตผ่านประสบการณ์ทำงานจริงที่ท้าทาย
- Growth of Team การเติบโตร่วมกับทีมที่เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
- Growth of Partners การเติบโตไปพร้อมกับพันธมิตรทั้ง Tech Company และ Startup ระดับโลก
- Growth of Community การเติบโตเคียงข้างกับสังคมผ่านทุกภารกิจ
นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ กสิกรไทย กำลังวางเป้าหมายบุกอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่สุดและมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภูมิภาค
และยังมีแผนในการจัดตั้งบริษัท K VISION FINANCIAL (KVF) เพื่อขยายการลงทุนด้านดิจิทัลในธุรกิจต่าง ๆ สู่การเป็น Ecosystem ทางการเงินในระดับภูมิภาค
ทั้งหมดนี้ คงต้องบอกว่า กสิกรไทยขยับตัวแต่ละครั้งไม่เคยเล่นเกมเล็ก ๆ
เหมือนกับครั้งนี้ที่กำลังจะก้าวไปเป็นธนาคารแห่งภูมิภาค ในอีก 2 ปีข้างหน้า
ดูเหมือนอะไรก็ไม่สามารถหยุดการพุ่งทะยานของ กสิกรไทย ได้แล้วในตอนนี้..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.