แก้ปัญหา ราคาหมูพุ่ง กระทรวงพาณิชย์ สั่งงดส่งออกหมู 3 เดือน

ได้มีมติจากที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่าจะสั่งห้ามส่งออกเนื้อหมู ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม (วันนี้) ถึงวันที่ 5 เมษายน

เหตุจากราคาเนื้อหมูในประเทศพุ่งสูงขึ้น จากวิกฤติขาดแคลนหมู ที่ปริมาณหมูลดลงจากปีที่แล้วกว่า 6 ล้านตัว

ซึ่งจากข้อมูลมีรายงานว่า ในประเทศไทยมีผู้เลี้ยงสุกรประมาณ 190,000 ราย ที่ผลิตสุกรรวมกันประมาณ 20 ล้านตัวต่อปี ซึ่งกว่า 95% เป็นเกษตรกรรายย่อย

และในช่วงสองปีที่ผ่านมา ได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร และโควิด 19 รวมไปถึงราคาอาหารและยาในการเลี้ยงดูสุกรที่สูงขึ้น ทำให้ผู้เลี้ยงบางรายจำเป็นต้องลดการเลี้ยงหมูลง

ปัจจุบันราคาเนื้อหมู เฉลี่ยอยู่ที่ 250 บาท/กิโลกรัม จากที่ราคาปกติจะเฉลี่ยอยู่ที่ราว ๆ 150 บาท/กิโลกรัม ซึ่งมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก และคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 300 บาท/กิโลกรัม

เนื่องมาจากเทศกาลตรุษจีนใน ที่กำลังจะมาถึงในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ นี้ ซึ่งแน่นอนว่าจะเพิ่มความต้องการของเนื้อหมู ที่อาจส่งผลให้ราคาหมูแพงทะลุเพดานได้

โดยนางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า
แนวทางการแก้ปัญหาเนื้อหมูราคาแพงในครั้งนี้ มาจากปริมาณสุกรที่ลดลง กับต้นทุนการเลี้ยงสุกรปรับสูงขึ้น ส่งผลให้เนื้อหมูมีราคาพุ่งสูงขึ้น

และจากที่ได้หารือร่วมกันในที่ประชุม กกร. มีมติออกมาตรการระยะสั้น ดังนี้

-การห้ามส่งออกหมู เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่วันที่ 6 ม.ค. 65 ถึง วันที่ 5 เม.ย. 65 เพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหมูภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ

-มาตรการลดต้นทุนการนำเข้าอาหารสัตว์จากต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร

-การเร่งสำรวจภาพรวมสถานการณ์การผลิตสุกร เพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายและมาตรการที่เหมาะสม พร้อมเพิ่มกำลังการผลิตแม่สุกรทดแทน

-มาตรการส่งเสริมการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เพื่อทดแทนการนำเข้าจากต่างประเทศ

ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่า มาตรการช่วยเหลือระยะสั้นนี้ จะมีส่วนช่วยพยุงราคาเนื้อหมูไม่ให้ดีดไปไกลได้มากน้อยเพียงใด..

อ้างอิง :
-https://www.bloomberg.com/news/articles/2022-01-06/thailand-orders-3-month-ban-on-pork-exports-on-tight-supplies