ปตท. เปิดตัวบริษัทเรือธง “โออาร์” คุมธุรกิจน้ำมัน-ค้าปลีก มุ่งเข้าตลาดหุ้น

ปตท. เปิดตัวบริษัทเรือธง “โออาร์” คุมธุรกิจน้ำมัน-ค้าปลีก มุ่งเข้าตลาดหุ้น

1 พ.ย. 2019
เปิดตัวอย่างเป็นทางการ “โออาร์” ธุรกิจเรือธงของกลุ่ม ปตท.
จากเดิมหน่วยงานธุรกิจน้ำมันและบริษัทในเครือที่เกี่ยวข้อง จะเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ปตท.
แต่ทาง ปตท. ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ
โดยนำหน่วยงานดังกล่าว มาอยู่ภายใต้บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์
เพื่อดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โออาร์ ประกอบด้วยธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน 2) กลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) และ 3) กลุ่มธุรกิจต่างประเทศ
สำหรับกลุ่มธุรกิจน้ำมัน
โออาร์ ครองส่วนแบ่งตลาดรวมน้ำมันเป็นอันดับ 1 ในประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 26 ปี โดยมีธุรกิจที่โดดเด่น ได้แก่
สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีบริการน้ำมันฯ ทั่วประเทศกว่า 1,850 แห่ง
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ภายใต้แบรนด์ พีทีที ลูบริแคนท์ส ที่มียอดขายเป็นอันดับ 1 ในประเทศอย่างต่อเนื่องถึง 10 ปี และส่งออกไปจำหน่ายแล้วกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ ยังมีการจำหน่ายก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ให้กับลูกค้าภาคอุตสาหกรรม ภาคขนส่ง และภาคครัวเรือน ภายใต้แบรนด์ ก๊าซหุงต้ม ปตท.
และจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์อื่นๆ ให้กับลูกค้ากลุ่มอากาศยาน เรือขนส่ง และอุตสาหกรรม
สำหรับกลุ่มธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่น ๆ (Non-Oil)
โออาร์ จะมีร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขาภายในประเทศรวมกว่า 2,800 สาขา
และธุรกิจค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่, ชานมไข่มุกเพิร์ลลี่ ที, เท็กซัส ชิคเก้น, ฮั่วเซ่งฮง ติ่มซำ, ศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้, ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมี บัตรพีทีที บลูการ์ด เป็นกลไกสำคัญในการสร้างความผูกพันและส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่ให้แก่ผู้บริโภค ผ่านเทคโนโลยีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
สำหรับกลุ่มธุรกิจต่างประเทศ
โออาร์ ได้นำรูปแบบทางธุรกิจ ที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศแล้ว
ได้แก่ สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น, ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน, ร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ และศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้
ไปต่อยอด ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะกับพฤติกรรมการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ
ปัจจุบัน โออาร์ มีสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ในประเทศลาว, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์ และเมียนมา
รวมกว่า 280 แห่ง
ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ในประเทศลาว, กัมพูชา, ฟิลิปปินส์, เมียนมา, สิงคโปร์, มาเลเซีย, จีน, ญี่ปุ่น และโอมาน รวมกว่า 200 สาขา
และร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่ กว่า 70 สาขา รวมถึงศูนย์บริการยานยนต์ ฟิต ออโต้ อีกด้วย
โออาร์ ดำเนินธุรกิจโดยนำความต้องการของลูกค้ามาเป็นศูนย์กลาง
และใช้แนวคิด โซเชียล อินคลูซีฟเนส (Social Inclusiveness)
เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มโดยเฉพาะสังคมชุมชนและเอสเอ็มอีไทย
ได้มีส่วนร่วมในการออกแบบรูปแบบธุรกิจ และเป็นเจ้าของ
ดังจะเห็นได้จากการที่สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น และร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน กว่าร้อยละ 80 ลงทุนและดำเนินการโดยผู้แทนจำหน่าย หรือแฟรนไชส์ซี
ทิศทางการดำเนินธุรกิจของ โออาร์ จะเป็นไปตามแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว
เช่น เน้นจำหน่ายน้ำมันดีเซล บี 10 ให้เป็นน้ำมันดีเซลชนิดหลักของประเทศ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนปาล์ม และช่วยลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก ใช้แก้วกระดาษเคลือบพลาสติกชีวภาพ แก้วพลาสติกและหลอดที่ทำจากพืช
รวมถึงนำวัสดุเหลือใช้ภายในร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน มาแปรรูปให้เป็นเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ และวัสดุตกแต่งภายในร้าน
รวมถึงได้ริเริ่มสถานีบริการ อีวี ชาร์จจิ้ง, จำหน่ายเครื่องชาร์จแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยแผงโซล่าเซลล์ บนหลังคาเกาะจ่ายสถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น
การดำเนินธุรกิจของ โออาร์ ช่วยให้เกิดการสร้างงานของประเทศกว่า 85,000 อัตรา
และช่วยส่งเสริมเอสเอ็มอีไทยกว่า 3,800 ราย
โดยจุดมุ่งหมายของโออาร์ คือ การเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหุ้น
ซึ่งขณะนี้ดำเนินการเรื่องต่างๆ ไปแล้วประมาณ 80%
ที่เหลืออีก 20% จะแล้วเสร็จไม่เกิน 6 เดือน
และมุ่งสู่การเป็นแบรนด์ไทยชั้นนำระดับโลก
ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับคนไทยทั้งประเทศ..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.