“การลงทุน” เป็นเรื่องใกล้ตัวเรากว่าที่คิด

“การลงทุน” เป็นเรื่องใกล้ตัวเรากว่าที่คิด

25 พ.ย. 2019
รู้หรือไม่? ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อยู่ที่ประมาณปีละ 0.5%
และเมื่อหักลบกับอัตราเงินเฟ้อแล้ว ผลตอบแทนที่ได้อาจไม่คุ้มค่าเท่าไรนัก
ดังนั้นการเลือกเครื่องมือทางการเงินต่างๆ มาช่วยในการลงทุน
จึงอาจเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ ที่จะทำให้เราได้ผลตอบแทนที่สูงและคุ้มค่ามากกว่า
แต่สำหรับคนส่วนใหญ่ที่เป็นมนุษย์เงินเดือน
การบริหารจัดการเงินให้พอใช้ในแต่ละเดือนก็ถือเป็นเรื่องยากแล้ว
หลายคนจึงเกิดความคิดว่า ทำไมเรายังต้องแบ่งเงินไป “ลงทุน” อีก
เรื่องนี้ลงทุนเกิร์ลมีคำตอบค่ะ
ในกรณีที่เรายังทำงานประจำอยู่ เรื่องนี้ก็อาจไม่ใช่ปัญหาที่ต้องกังวล
เพราะไม่ว่าอย่างไร เราก็ยังจะมีรายได้เข้ามาอยู่เป็นประจำทุกเดือน
แต่ต้องอย่าลืมว่าเราไม่สามารถทำงานได้ตลอดชีวิต..
เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราก็ต้องเกษียณอายุจากงานที่ทำ
ยังไม่นับถึงกรณีตกงาน เกิดอาการเจ็บป่วยร้ายแรง หรือเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่
ดังนั้นการวางแผนทางการเงินในระยะยาวจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้..
เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม รับมือในวันที่เราไม่สามารถทำงานได้แล้ว
พอเรื่องเป็นแบบนี้หลายคนอาจเริ่มสงสัยว่า หากต้องการลงทุนจะเริ่มต้นอย่างไรดี?
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจึงจะมายกตัวอย่างเครื่องมือทางการเงินที่น่าสนใจ
เพื่อให้ทุกคนสามารถเลือกการลงทุนที่ตอบโจทย์ชีวิตของตัวเอง
สิ่งที่เราต้องทำเป็นอย่างแรกเลยก็คือ การกำหนดเป้าหมายของการลงทุน
เช่น เพื่อเป็นเงินไว้ใช้ยามเกษียณ เพื่อลดหย่อนภาษี หรือเพื่อเป็นเงินยามฉุกเฉิน
กำหนดให้ชัดเจนว่าต้องการลงทุนเพื่ออะไร?
คิดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่?
และต้องการจะบรรลุเป้าหมายเมื่อใด?
จากนั้นจึงพิจารณา “เงื่อนไข” ว่าการลงทุนในลักษณะไหนที่เหมาะกับเป้าหมายของเรา
ทั้งในเรื่องของอัตราผลตอบแทน และความเสี่ยงจากการลงทุน
ทุกวันนี้เรามีเครื่องมือทางการเงินหลากหลายประเภทให้เลือกลงทุน
หุ้นสามัญ เป็นตราสารทุนที่ทำให้ผู้ถือมีฐานะเป็นเจ้าของบริษัท
เมื่อบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี ราคาหุ้นก็จะเติบโต
ทำให้ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของส่วนต่างราคา และเงินปันผล
แต่เมื่ออัตราผลกำไรสูง ความเสี่ยงก็ย่อมสูงตามไปด้วย
ตราสารหนี้ มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นสามัญ แต่ผลตอบแทนก็อาจไม่สูงเท่า
ส่วนใหญ่จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยสม่ำเสมอ และได้เงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุ
กองทุนรวม คือ การระดมเงินลงทุนไปให้ผู้จัดการกองทุนนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ ตามนโยบายของกองทุน ข้อดีคือเป็นการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลายๆ ตัว และการลงทุนในกองทุนบางประเภทสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เช่น LTF, RMF
การทำประกัน ก็ถือเป็นการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน
ซึ่งนอกจากจะช่วยแบ่งเบาภาระหากเราเจ็บป่วย หรือสร้างมรดกให้กับครอบครัวในเวลาที่เราไม่อยู่แล้ว
ประกันบางประเภทสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย เช่น ประกันสุขภาพ หรือประกันชีวิต
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงเริ่มเห็นความสำคัญของการลงทุนแล้ว
และเพื่อการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าเดิม ตอนนี้ธนาคารกรุงไทยมีแคมเปญพิเศษ กรุงไทย Investment Festival
โดยผู้ลงทุนมีโอกาสรับเครดิตเงินคืน เมื่อลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่กำหนด
เมื่อซื้อผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต Krungthai-AXA ตามเงื่อนไข รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 60,000 บาท
เมื่อลงทุนใน LTF/RMF ของ KTAM ทุกๆ 50,000 บาท รับเครดิตเงินคืน เข้ากองทุน KTSTPLUS 100 บาท
และพิเศษยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้บัตรเครดิต KTC
รับเครดิตเงินคืน สูงสุด 14% หรือผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือนเมื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิต Krungthai-AXA
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2saMQYF
หรือติดต่อสอบถามธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ตั้งแต่ วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 62
หมายเหตุ: เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.