ศรีฟ้าเบเกอรี่ ต้นตำรับ “เค้กฝอยทอง” จากเมืองกาญจน์ สู่ชีสเค้กที่วางขายใน 7-Eleven ที่มีรายได้ 700 ล้าน

เชื่อว่า หลายคนคงเคยเห็น หรือเคยได้ชิมเบเกอรีที่วางขายอยู่ใน 7-Eleven
ไม่ว่าจะเป็น ชีสเค้กตัวดังที่เคยเป็นกระแส, ชิฟฟ่อนเค้กฝอยทอง และเค้กอื่น ๆ ในสไตล์ญี่ปุ่น ที่มีหน้าตาน่ารับประทาน

รู้หรือไม่ว่า ผู้ผลิตเบเกอรีเหล่านี้ ก็คือ “ศรีฟ้าเบเกอรี่” ร้านเบเกอรีชื่อดัง ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี
สังเกตได้จากบนแพ็กเกจจิง ที่จะมีโลโกคำว่า Srifa Bakery แปะอยู่นั่นเอง

แล้วจากร้านเบเกอรีเล็ก ๆ ในต่างจังหวัด มาสู่ผู้ผลิตเบเกอรีให้ 7-Eleven ทั่วประเทศ และมีรายได้หลักร้อยล้านบาท มีความเป็นมาอย่างไร ?

จุดเริ่มต้นของ ศรีฟ้าเบเกอรี่ เกิดจากคุณวิเชียร เจนตระกูลโรจน์
ที่เติบโตมาจากครอบครัวที่เปิดร้านขายข้าวขาหมูเล็ก ๆ ในจังหวัดกาญจนบุรี

แน่นอนว่า เมื่อคุณวิเชียร เป็นลูกชายคนโตของบ้าน
คุณพ่อจึงคาดหวังให้คุณวิเชียร ช่วยงานที่บ้านหลังเรียนจบเพียง ม.ศ.3 หรือเทียบกับปัจจุบันก็คือ มัธยมศึกษาปีที่ 3

แต่เมื่อได้ทดลองทำแล้ว คุณวิเชียรกลับรู้สึกไม่ชอบ และไม่มีความสุข
จึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อรับจ้างทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขายรองเท้า พนักงานขายในห้าง ไปจนถึงงานกลางคืน อย่างบาร์เทนเดอร์

เมื่อทำไปได้สักระยะหนึ่ง คุณวิเชียรก็ยังรู้สึกว่า มองไม่เห็นอนาคต
จึงตัดสินใจลาออกจากงานทั้งหมด และเดินทางกลับจังหวัดกาญจนบุรี
พร้อมกับเกิดคำถามใหญ่ ๆ ในชีวิตว่า อยากทำอะไรกันแน่ ?

คุณวิเชียร ตอบคำถามนี้ได้ด้วยการมองไปรอบตัว แล้วก็พบกับร้านขายข้าวขาหมูของที่บ้าน จึงมองว่าธุรกิจอาหารนี่แหละที่น่าสนใจ

แต่คุณวิเชียร ตั้งเป้าว่า ต้องไม่ใช่ร้านขายข้าวขาหมู เพราะไม่อยากให้คุณพ่อเข้ามายุ่งเกี่ยว
ประกอบกับมองว่าธุรกิจอาหาร ไม่จำเป็นต้องเป็นของคาวเสมอไป
จึงเกิดเป็นไอเดียในการทำของหวานอย่าง “เบเกอรี”

เมื่อคิดได้แล้วว่าอยากทำอะไร แต่เส้นทางในการเปิดร้านเบเกอรี ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น
เพราะลำพังแค่วิธีการทำก็ยังไม่รู้ คุณวิเชียร จึงได้ลงเรียนคอร์สสอนทำเบเกอรีมากมาย ทั้งเรียนทำเค้ก แต่งหน้าเค้ก ทำพาย และทำคุกกี้

อย่างไรก็ดี การจะเปิดร้านเบเกอรีสักร้านหนึ่ง ไม่ได้ต้องแม่นแค่ทฤษฎี แต่ต้องมีประสบการณ์ด้วย

คุณวิเชียร จึงเลือกเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกครั้ง..
แต่ในครั้งนี้ มีเป้าหมายชัดเจน คือการเข้าไปทำงานในร้านเบเกอรีต่าง ๆ เพื่อหาประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด

การหาประสบการณ์ในครั้งนี้ ดำเนินไปเนิ่นนานกว่า 4 ปี
จนกระทั่งในปี 2529 เมื่อคุณวิเชียรคิดว่าสั่งสมประสบการณ์มามากพอแล้ว ก็กลับมาเปิดร้านเบเกอรีสาขาแรก ซึ่งตั้งอยู่ที่ตลาดท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี

โดยใช้ชื่อว่า “ศรีฟ้าเบเกอรี่” ที่ตั้งตามร้านขายข้าวขาหมูของคุณพ่อคุณวิเชียร

ถ้าถามว่า จุดเด่นของร้านศรีฟ้าเบเกอรี่ คืออะไร ?

คำตอบง่าย ๆ ก็คือ สินค้าคุณภาพ ในราคาไม่แพง
เพราะคุณวิเชียรได้ศึกษาวิธีการทำมาจากร้านเบเกอรีทั่วกรุงเทพฯ แต่นำมาขายในราคาต่างจังหวัด

ดังนั้น ในวันแรกที่เปิดร้านศรีฟ้าเบเกอรี่ แม้จะมียอดขายเพียงแค่ 30 บาท
แต่คุณวิเชียรก็ยังเชื่อมั่นว่าจะยืนหยัดอยู่ได้ เพราะเบเกอรีมีคุณภาพนั่นเอง

และหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่คุณวิเชียรนำมาใช้กับการปั้นร้านเบเกอรี ก็คือ “กลยุทธ์การบอกต่อ”

โดยเริ่มจากการแจกจ่ายเบเกอรีให้คนแถวร้านรับประทาน
เมื่อทดลองแล้ว ถูกใจในรสชาติและคุณภาพ ก็เกิดการบอกต่อ ๆ กัน จนชื่อเสียงดังไกลไปถึงตัวเมือง
และเกิดการเรียกร้องให้ขยายสาขา

จึงเป็นเหตุผลให้คุณวิเชียร ตัดสินใจขยายสาขาไปยังตัวเมือง และจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง
ซึ่งรวมถึงร้านศรีฟ้าของฝาก ที่ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ ในอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีด้วย

อย่างไรก็ดี เมื่อเปิดร้านขายของฝากแล้ว ปัญหาต่อมาก็คือ จะทำอย่างไรให้คนกรุงเทพฯ อยากซื้อเบเกอรีจากจังหวัดกาญจนบุรี ติดมือกลับบ้านไปด้วย ?

คุณวิเชียรมองว่า คนกรุงเทพฯ ไม่นิยมทานเบเกอรีในต่างจังหวัด
จึงพยายามหาจุดเด่นให้กับเบเกอรีของตัวเอง โดยในสมัยนั้นยังไม่มีเจ้าไหนที่นำขนมต่างประเทศ มารวมกับขนมไทย

จุดนี้เองจึงเป็นไอเดียให้คุณวิเชียรนำเค้ก และฝอยทอง มารวมกัน
กลายเป็นเจ้าแรกที่ผลิต “เค้กฝอยทอง”
ซึ่งหลังจากวางขายก็ได้รับความนิยมอย่างมากจนถึงปัจจุบัน นับว่าเป็นสินค้าขายดีอันดับ 1 ของแบรนด์

และแล้วศรีฟ้าเบเกอรี่ ก็มาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญ..
เมื่อเจ้าหน้าที่จาก 7-Eleven ร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ทั่วประเทศไทย ได้มาชิมเค้กฝอยทองแล้วเกิดติดใจ
จึงชวนคุณวิเชียร ให้ทำเบเกอรี เข้าไปวางขายใน 7-Eleven

แม้ว่าในตอนแรกคุณวิเชียรจะสนใจ แต่ก็ต้องคิดหนักเป็นอย่างมาก
เพราะกำลังการผลิต ที่ต้องผลิตให้ได้ถึง 10,000 ชิ้นต่อวันนั้น ธุรกิจของตนยังมีกำลังการผลิตไม่พอ

แต่ท้ายที่สุด ด้วยความที่อยากเติบโต คุณวิเชียรจึงตัดสินใจใช้เงินก้อนใหญ่กว่า 180 ล้านบาท สร้างโรงงาน เพื่อผลิตและพัฒนาเบเกอรี ไปวางขายใน 7-Eleven โดยยึดแนวคิดคือ การมีลูกค้าเป็นที่ตั้ง

อย่างในการพัฒนาเค้กฝอยทอง จากเดิมที่ขายขนาด 1 ปอนด์ ตามร้านศรีฟ้าเบเกอรี่
แต่เมื่อนำเข้าไปวางขายใน 7-Eleven ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการทานของลูกค้า จึงปรับให้มีขนาดเล็กลง พร้อมกับราคาที่ลดลงตามขนาดด้วย

และนับตั้งแต่ ศรีฟ้าเบเกอรี่ นำสินค้าเข้าไปวางขายใน 7-Eleven
ธุรกิจก็เติบโตเรื่อยมา จนปัจจุบันมีโรงงานผลิตเบเกอรีในรูปแบบ OEM ให้กับแบรนด์ดังหลายแบรนด์

โดยมีเบเกอรีหลากหลายกว่า 1,000 ชนิด ในหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น เค้ก, ขนมปัง, เบเกอรีแช่แข็ง (Frozen Dough) และไส้ขนมปัง เช่น ไส้สังขยา, ไส้คัสตาร์ด หรือไส้ทูน่าสไปซี

ที่สำคัญ ยังมีการพัฒนาสินค้าดาวเด่นตัวใหม่
นั่นก็คือ “ทองม้วน” ภายใต้แบรนด์สุธีรา (Suthera)
ที่นอกจากจะผลิต และขายผ่านหน้าร้าน รวมถึงขายให้กับรีสอร์ต โรงแรม และสายการบินต่าง ๆ แล้ว

คุณวิเชียร ได้ตั้งเป้าให้เป็น Global Brand ที่เน้นส่งออกไปยังต่างประเทศ ทั้งประเทศจีน แคนาดา สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ด้วย

นอกจากนี้ ในปี 2560 ที่ผ่านมา ศรีฟ้าเบเกอรี่ ก็เติบโตไปอีกขั้น ด้วยการจับมือกับ Minor เจ้าของเชนโรงแรมและร้านอาหารชื่อดังมากมาย โดยได้ร่วมทุนกันจัดตั้งบริษัท Art of Baking ผลิตแผ่นแป้งแช่แข็ง
เพื่อจำหน่ายให้โรงงานเบเกอรี และร้านเบเกอรีทั้งในประเทศและต่างประเทศด้วย

รวมถึงมีการเปิดขายแฟรนไชส์ ที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไป เข้ามาเป็นเจ้าของร้าน ศรีฟ้าเบเกอรี่ ได้ด้วย

ความสำเร็จของ ศรีฟ้าเบเกอรี่ จากร้านเล็ก ๆ สู่หนึ่งในผู้ผลิตเบเกอรีเจ้าดังของไทย
สะท้อนได้จากรายได้ของบริษัท ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด จำกัด

ปี 2562 รายได้ 677 ล้านบาท
ปี 2563 รายได้ 667 ล้านบาท
ปี 2564 รายได้ 700 ล้านบาท

จะเห็นได้ว่า รายได้ของบริษัทยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้จะมีการระบาดของโควิด 19 ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากนัก

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็พอจะสรุปได้ว่า ศรีฟ้าเบเกอรี่ สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งขึ้นได้
โดยเริ่มจากการหา “จุดเด่น” ให้กับเบเกอรีของตัวเอง อย่าง “เค้กฝอยทอง” ที่ในตอนนั้น ยังไม่มีใครทำ
ซึ่งนอกจากจะแปลกใหม่แล้ว ก็ยังอร่อยจน 7-Eleven สนใจ

สะท้อนให้เห็นว่า บางครั้งในการทำธุรกิจ แค่เราเอาสินค้าธรรมดา ๆ มาสร้างจุดเด่นหรือข้อแตกต่าง ให้กับสินค้าของเราได้
เพียงเท่านี้ ก็อาจกลายเป็นธุรกิจหลักร้อยล้านบาท เหมือนศรีฟ้าเบเกอรี่ได้เช่นกัน..
—--------------------------
Sponsored by JCB

JCB แบรนด์ผู้ให้บริการเครือข่ายบัตรเครดิตจากประเทศญี่ปุ่น - พิเศษเฉพาะผู้ถือบัตรเครดิต JCB พบกับโปรโมชั่นในไทยและต่างประเทศมากมาย สิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ ทั้ง กิน เที่ยว ช้อป ติดตามความพิเศษที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะคุณได้ที่ www.facebook.com/JCBCardThailandTH และ LINE Official Account : @JCBThailand (https://bit.ly/JCBTHLine)

#JCBใช้ได้ทุกที่ทุกเวลา#JCBThailand#JCBOwnHappinessOwnStory
—--------------------------
อ้างอิง:
-https://srifafrozenfood.com/
-https://datawarehouse.dbd.go.th/
-https://youtu.be/zyJHTeJmaf0
-https://mgronline.com/smes/detail/9570000074446