Twitter ในยุคที่ Elon Musk เป็นเจ้าของ นักวิจัยพบ คำหยาบ คำเหยียดคนผิวดำ เพิ่มขึ้น 500% หลังปิดดีลซื้อกิจการ
31 ต.ค. 2022
หลังจากที่ Elon Musk ปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ Twitter ด้วยมูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.7 ล้านล้านบาท) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Twitter ก็เข้าสู่ยุคแห่งความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่นักวิจัยพบว่า การใช้คำหยาบในแพลตฟอร์ม เพิ่มสูงขึ้น
นักวิจัยด้านโซเชียลมีเดีย จาก The Network Contagion Research Institute (NCRI) ในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้งาน Twitter ของคนทั่วโลก พบว่าภายในระยะเวลาเพียง 12 ชั่วโมง หลังจากที่ Elon Musk ประกาศปิดดีลเข้าซื้อกิจการ Twitter มีจำนวนคำหยาบคายในแพลตฟอร์มเพิ่มมากขึ้นเกือบ 500%
นอกจากคำหยาบคายแล้ว ยังพบด้วยว่า มีการใช้คำเหยียดคนผิวดำ คนยิว และคำต่อต้าน LGBTQ+ เพิ่มขึ้น ในกลุ่มผู้ใช้งาน Twitter
เป็นเหมือนการ “ทดสอบ” ว่าขีดจำกัดในการคัดกรองเนื้อหาของ Twitter เข้มงวดมากเพียงใด ในยุคที่ Elon Musk เป็นเจ้าของอย่างเต็มตัว ซึ่งเขาสนับสนุนเรื่องเสรีภาพในการแสดงความเห็น
เพราะก่อนหน้านี้ Elon Musk เคยอธิบายสาเหตุการเข้าซื้อกิจการ Twitter ว่าต้องการให้คนทั่วโลก มีพื้นที่ลานคนเมืองในรูปแบบดิจิทัล (Digital Town Square) เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้อย่างเสรี แต่ต้องอยู่ในความเหมาะสม และปราศจากความรุนแรง
แม้ Elon Musk จะระบุว่า การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเสรี ต้องอยู่ภายใต้ความเหมาะสม แต่ก็ทำให้หลาย ๆ ฝ่ายเกิดความกังวล เพราะ Twitter อาจกลายเป็นพื้นที่แห่งเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่มีกฎในการควบคุมเนื้อหาที่ไม่เข้มงวดมากเท่าเดิม
ซึ่งในจุดนี้เอง คนที่สนับสนุนมองว่า การเข้าซื้อกิจการ Twitter ของ Elon Musk “เป็นวิวัฒนาการสำคัญของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ที่เกิดขึ้นในรอบทศวรรษ”
นอกจากนี้ Elon Musk ยังระบุด้วยว่า จะมีการตั้ง Moderator ที่ทำหน้าที่พิจารณาความเหมาะสมของเนื้อหาบน Twitter ด้วยมุมมองที่หลากหลาย และจะไม่มีการดำเนินการใด ๆ กับเนื้อหา จนกว่า Moderator จะมีการพิจารณาเท่านั้น
ซึ่งในภายหลัง Elon Musk ได้ออกมาอธิบายเพิ่มเติมว่า กฎในการควบคุมเนื้อหาของ Twitter ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง