KBank Private Banking เผย 4 เทคนิค ยุติ “ศึกชิงธุรกิจครอบครัว”

KBank Private Banking เผย 4 เทคนิค ยุติ “ศึกชิงธุรกิจครอบครัว”

25 ม.ค. 2023
KBank Private Banking ผู้ให้บริการที่ปรึกษาการบริหารทรัพย์สินภายในครอบครัวครบวงจร เผย 4 เทคนิค ยุติศึกชิงธุรกิจครอบครัว “วางแผน-กำหนดกติกา-สร้างการมีส่วนร่วม-บริหารอย่างมืออาชีพ”
เพื่อรักษาสายสัมพันธ์ของครอบครัว ให้การส่งต่อธุรกิจเป็นไปอย่างยั่งยืน
แม้การทำธุรกิจร่วมกับคนในครอบครัว จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็มีหลายครอบครัว ที่ประสบความสำเร็จ สามารถบริหาร และส่งต่อธุรกิจครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่นได้
โดยสิ่งที่มาควบคู่กับธุรกิจครอบครัว ก็คือความอ่อนไหวและความเคยชินในการเป็นสมาชิกครอบครัว
การข้ามผ่านความเป็นครอบครัว ไปสู่การบริหารธุรกิจอย่างมืออาชีพ จึงเป็นเรื่องยากสำหรับหลาย ๆ ครอบครัว
แต่ก็ไม่ใช่ว่า การก้าวผ่านความเป็นธุรกิจครอบครัว จะไม่สามารถทำได้
ในประเทศไทยเอง ก็มีหลายธุรกิจครอบครัว ที่ประสบความสำเร็จ และสามารถส่งต่อธุรกิจกันมาหลายต่อหลายรุ่น
ล่าสุด เรื่องราวประเด็นปัญหาของการส่งต่อธุรกิจ ได้ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นซีรีส์เกาหลีที่ได้รับความนิยม
เล่าเรื่องเกี่ยวกับตระกูลมหาเศรษฐีที่บริหารธุรกิจกันโดยสมาชิกในครอบครัว สะท้อนให้เห็นถึงปมปัญหาธุรกิจครอบครัว ที่กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านจากรุ่นพ่อไปสู่รุ่นลูก
โดยที่พ่อยังยึดมั่นในธรรมเนียมดั้งเดิม ที่ต้องการส่งต่อธุรกิจให้กับลูกชายคนโต
เมื่อเกิดความรู้สึกไม่เป็นธรรม พี่น้อง จึงพร้อมแย่งชิงธุรกิจ และทรัพย์สมบัติกันเอง จนแทบไม่เหลือความเป็นครอบครัว..
KBank Private Banking ได้ถอดบทเรียนจากซีรีส์เกาหลี สรุปปัจจัยสำคัญที่จะทำให้การส่งต่อธุรกิจครอบครัวประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน ประกอบด้วย 4 ประการได้แก่ “วางแผน-กำหนดกติกา-สร้างการมีส่วนร่วม-บริหารอย่างมืออาชีพ”
1) วางแผน
สมาชิกในครอบครัว ต้องร่วมกันกำหนดเป้าหมาย และร่วมกันวางแผน เพื่อให้สามารถเดินไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ซึ่งนอกจากจะต้องวางแผนในเชิงธุรกิจแล้ว ระบบการจัดการภายในเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
ดังนั้น ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จ จึงต้องมีการตั้งเป้าหมาย วิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งของครอบครัว วางแผน และลงมือปฏิบัติ เพื่อให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้
เช่น ตั้งเป้าหมายให้ผลิตภัณฑ์ของครอบครัวเป็นสินค้าระดับโลก ธุรกิจครอบครัวจะต้องมีการปรับตัวอย่างไร สมาชิกต้องมีบทบาทและหน้าที่อะไรบ้าง สิ่งใดเป็นข้อดี สิ่งใดที่ยังขาด
จะต้องมีการนำเรื่องเหล่านี้มากำหนดเป็นแผน และทำให้สมาชิกทุกคนเข้าใจตรงกัน
2) กำหนดกติกา
สมาชิกครอบครัว จะต้องมีการกำหนดกติกาต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน ลดความขัดแย้ง โดยสมาชิกจะต้องรับรู้ถึงบทบาท สิทธิและหน้าที่ของตนเอง รวมถึงผลประโยชน์ที่สมาชิกครอบครัวแต่ละคนจะได้รับ
ซึ่งหากเป็นการตกลงร่วมกัน จะช่วยลดความรู้สึกไม่เป็นธรรม
นอกจากกติกาแล้ว การบริหารจัดการยังจะต้องแยกเสาหลักของการจัดการ “ธุรกิจ” และ “ครอบครัว” ออกจากกัน แต่ยังต้องมีความเชื่อมโยง ซึ่งประสานประโยชน์ระหว่างสองเรื่องนี้ได้
เช่น การบริหารจัดการธุรกิจ อาจทำเป็นระบบเช่นเดียวกับองค์กรธุรกิจทั่วไป แต่ในขณะเดียวกันการตัดสินใจในฐานะผู้ถือหุ้น การปันผลเพื่อประโยชน์ของสมาชิกในครอบครัว ยังคงเป็นเรื่องภายในครอบครัว
3) สร้างการมีส่วนร่วม
สมาชิกในครอบครัว ไม่จำเป็นต้องเข้าไปมีส่วนในการดำเนินธุรกิจ หรือระบบการจัดการภายในครอบครัวทุกคน แต่สิ่งสำคัญคือ การยึดถือและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติตามกติกาที่ครอบครัวได้ตกลงร่วมกันไว้
นอกจากนี้ การสื่อสารภายในครอบครัวอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยสร้างความเข้าใจ ลดความเคลือบแคลงที่อาจเกิดเป็นปัญหาผิดใจกัน และส่งผลกระทบต่อธุรกิจได้
ในปัจจุบัน หลาย ๆ ครอบครัวจะมีการจัดกิจกรรมระหว่างสมาชิกครอบครัวในรุ่นต่าง ๆ เพื่อให้คนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ลูกพี่ลูกน้อง ป้าหลาน ปู่ย่าตายาย มีความใกล้ชิดกัน ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีในแง่ของความสัมพันธ์ในครอบครัวแล้ว ยังจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจครอบครัวมีความเข้มแข็งอีกด้วย
4) บริหารอย่างมืออาชีพ
หนึ่งในการข้ามผ่านความเป็นธุรกิจครอบครัวคือ การบริหารอย่างมืออาชีพ บางครอบครัวอาจมีข้อตกลงร่วมกัน ที่จะว่าจ้างผู้บริหารมืออาชีพ เข้ามาบริหารธุรกิจครอบครัว เพื่อทำให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้
บางครอบครัวอาจจะยังให้สมาชิกในครอบครัวบริหารเองอยู่ แต่ก็จำเป็นจะต้องเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อให้มีความพร้อมในการบริหารมากขึ้น
นอกจากตัวบุคคลแล้ว โครงสร้างของธุรกิจครอบครัว จะต้องมีการจัดระบบที่สามารถรองรับการบริหารอย่างมืออาชีพได้ แทนการบริหารจัดการธุรกิจแบบครอบครัวอย่างเดิม
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.