
TikTok กำลังพัฒนาฟีเชอร์ ให้ครีเอเตอร์เก็บเงินจากผู้ใช้งานได้ แลกกับการเข้าถึงคอนเทนต์เอกซ์คลูซิฟ
14 ก.พ. 2023
ล่าสุด สำนักข่าว Information รายงานว่า TikTok อยู่ระหว่างการพัฒนาหลาย ๆ ฟีเชอร์ หวังกระตุ้นการใช้งาน และเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้งานใหม่ ๆ
หนึ่งในฟีเชอร์ที่ TikTok กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้คือ ระบบ Paywall
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การที่ครีเอเตอร์สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้งานได้
แลกกับการที่ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์แบบเอเอกซ์คลูซิฟได้เช่นกัน
อธิบายง่าย ๆ ก็คือ การที่ครีเอเตอร์สามารถเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้งานได้
แลกกับการที่ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงคอนเทนต์แบบเอเอกซ์คลูซิฟได้เช่นกัน
เหมือนอย่าง Instagram ที่ก่อนหน้านี้ ได้เพิ่มระบบสมาชิก ให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างรายได้ได้ด้วยการเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้งาน แลกกับการที่ผู้ใช้งานจะได้สิทธิพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น สามารถเข้าถึงไลฟ์ หรือ Stories ที่พิเศษกว่าคนทั่วไปได้
หรือยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็เหมือนแพลตฟอร์มคอนเทนต์ผู้ใหญ่อย่าง Onlyfans ที่ต้องจ่ายเงินก่อน ถึงจะเข้าถึงคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้นั่นเอง
นอกจากนี้ TikTok ยังจะปรับปรุงกองทุน Creator Fund ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2020 เป็น Creator Fund 2.0
โดยกองทุนนี้มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,850 ล้านบาท) ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามเกิน 10,000 บัญชี
โดยกองทุนนี้มีมูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 33,850 ล้านบาท) ซึ่งจะแจกจ่ายให้กับครีเอเตอร์ที่มีผู้ติดตามเกิน 10,000 บัญชี
ก่อนหน้านี้ ครีเอเตอร์หลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า ได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนน้อย
ถึงแม้ว่าวิดีโอเป็นไวรัล แต่กลับได้รับเงินเพียงแค่ไม่กี่ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ถึงแม้ว่าวิดีโอเป็นไวรัล แต่กลับได้รับเงินเพียงแค่ไม่กี่ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
ในการปรับปรุง Creator Fund 2.0 นี้ ทาง TikTok มีแนวคิดที่จะให้เงินสนับสนุนแก่ครีเอเตอร์แต่ละคนมากขึ้น และจะได้รับมากขึ้นเป็นพิเศษในกรณีที่เป็นคลิปวิดีโอยาว (ปัจจุบัน TikTok สามารถอัปได้สูงสุด 10 นาที)
อย่างไรก็ดี Creator Fund 2.0 จะจำกัดผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินสนับสนุน ต้องมีผู้ติดตามมากกว่า 100,000 บัญชีเท่านั้น
โดยคาดว่า จะเปิดตัวในสหรัฐฯ ภายในเดือนหน้า
โดยคาดว่า จะเปิดตัวในสหรัฐฯ ภายในเดือนหน้า
อย่างไรก็ดี นอกจาก TikTok ที่เสนอเงินสนับสนุนให้ครีเอเตอร์แล้ว
ด้าน YouTube ซึ่งนับว่าเป็นคู่แข่งรายใหญ่ ก็เสนอแบ่งรายได้จากการโฆษณาให้ครีเอเตอร์ 55%
ส่วน YouTube Shorts จะได้รับเงินส่วนแบ่งน้อยกว่าที่ 45% ของรายได้จากการโฆษณา
ด้าน YouTube ซึ่งนับว่าเป็นคู่แข่งรายใหญ่ ก็เสนอแบ่งรายได้จากการโฆษณาให้ครีเอเตอร์ 55%
ส่วน YouTube Shorts จะได้รับเงินส่วนแบ่งน้อยกว่าที่ 45% ของรายได้จากการโฆษณา