แม็คโคร รุกตลาด e-commerce เปิดตัว Makro PRO พลิกโฉมสู่ผู้นำธุรกิจ O2O คาดเติบโตก้าวกระโดด

แม็คโคร รุกตลาด e-commerce เปิดตัว Makro PRO พลิกโฉมสู่ผู้นำธุรกิจ O2O คาดเติบโตก้าวกระโดด

22 ก.พ. 2023
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “แม็คโคร” ถือเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่ง ผ่านช่องทางออฟไลน์
ซึ่งธุรกิจก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง
แต่วันนี้ แม็คโคร ตั้งคำถามกับตัวเองว่า หากต้องการให้ธุรกิจเติบโตแบบก้าวกระโดด จะต้องทำอย่างไร ?
ซึ่งหลังจากศึกษาพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคมาอย่างดีแล้ว
คำตอบของเรื่องนี้ ก็เฉลยออกมาว่า..
แม็คโคร ต้องพลิกโฉมตัวเอง เพื่อเป็นผู้นำในช่องทางออนไลน์ด้วย ไม่ใช่แค่ออฟไลน์
เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจค้าส่งออฟไลน์และออนไลน์ (Omni-Channel)
เพราะปัจจุบัน ตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตแบบติดจรวด และมีบทบาทต่อตลาดค้าปลีกโดยรวมมากขึ้นเรื่อย ๆ
จึงเป็นที่มาของการทุ่มพัฒนา และเปิดตัว “Makro PRO” เพื่อผลักดันให้ แม็คโคร เข้าสู่ยุคใหม่ ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และกลายเป็นเบอร์ 1 ในธุรกิจค้าส่งแบบ Omni-Channel
แล้ว “Makro PRO” คืออะไร ?
Makro PRO เป็นแอปพลิเคชันล่าสุดจากแม็คโคร ที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ให้ “สั่ง ขาย คุ้ม อย่างโปรในแอปเดียว”
แอปพลิเคชันนี้ มีสินค้ามากกว่า 50,000 รายการ (SKUs) ทั้งสินค้าที่มีอยู่ในแม็คโครเอง และสินค้าจากร้านค้าอื่น ๆ ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า และผู้บริโภค ได้เลือกสั่งซื้อได้
Makro PRO ช่วยอำนวยความสะดวก และตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มของแม็คโคร
ทั้งผู้ประกอบการ เช่น ร้านอาหาร ร้านโชห่วย รวมถึงผู้บริโภคทั่วไป ให้สามารถเชื่อมต่อทุกช่องทางการซื้อขาย ได้แบบครบวงจรและไร้รอยต่อ
พร้อมเสริมความรู้ คุ้มค่าด้วยคะแนนสะสม Makro PRO Point
โดยเบื้องหลัง ทางแม็คโคร ได้นำเอาความแข็งแกร่งของทั้ง Ecosystem
ไม่ว่าจะเป็น ความแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำอาหารสด, ความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 34 ปี, เครือข่ายการบริการที่ครอบคลุมทั่วประเทศ และการศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าอย่างถ่องแท้ ผสานกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่ทันสมัย มาพัฒนาเป็น “Makro PRO”
ทีนี้มาดู 5 จุดเด่นของ Makro PRO
1) Seamless Omni-Channel : ประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ
เชื่อมต่อการให้บริการจากสาขา (ออฟไลน์) สู่บนแอปพลิเคชัน (ออนไลน์) แบบไร้รอยต่อ
พร้อมการออกแบบที่ใช้งานง่าย เป็นมิตร ทั้งระบบการแสดงสินค้า ราคา
รวมถึงระบบการชำระเงินที่สะดวก ชำระได้ทั้งบัตรเครดิต, โอนผ่านธนาคาร และทรูมันนี่ วอลเล็ท
2) New Loyalty Program : ระบบสะสมแต้มใหม่
การพัฒนา Makro PRO Point ระบบสะสมคะแนน โดยเมื่อซื้อสินค้า ก็จะได้รับคะแนนสะสม ได้ทั้งช่องทางแอปพลิเคชัน และที่สาขาของแม็คโครทั่วประเทศ
โดยทุก ๆ การซื้อ 1,000 บาท จะได้ 1 Point (มูลค่า 1 บาท) เพื่อนำไปใช้แลกเป็นส่วนลด และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
3) Enhance Omni-Channel Efficiency : ยกระดับ Omni-Channel ด้วยเทคโนโลยี
นำเทคโนโลยี เช่น AI และ Machine Learning มาเพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนากระบวนการบริหารจัดการทั้งระบบ
โดยเฉพาะด้านการจัดส่งสินค้า ให้มีประสิทธิภาพและสะดวก
ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกเวลารับสินค้าได้ 3 ช่วงเวลา (ช่วงเช้า บ่าย และเย็น) ตามความสะดวก
4) Data Driven : ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ระบบการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเชิงลึก โดยทีม Data analyst และใช้ Machine Learning
เพื่อทำการตลาด และออกโปรโมชัน ให้ตรงใจและตรงจุด ลูกค้าแต่ละคนหรือแต่ละกลุ่ม (Personalization)
5) All in One Business Supercharging Platform : เสริมพลังให้กับคนทำธุรกิจ ในที่เดียว
ช่วยให้ลูกค้าและผู้ค้าประสบความสำเร็จทางธุรกิจได้มากขึ้น โดยเป็นแหล่งซื้อวัตถุดิบออนไลน์ ที่มีประสิทธิภาพ สะดวก แค่ปลายนิ้ว
แถมเป็นพื้นที่ ที่เปิดโอกาสในการขายสินค้า (Marketplace) ให้ผู้ประกอบการรายย่อยหรือ SME สามารถเข้าถึงฐานลูกค้า และร่วมเติบโตไปกับแม็คโคร
อีกทั้ง Makro PRO ยังช่วยให้คนที่อยู่ห่างไกลจากสาขาของแม็คโคร และไม่อยากเดินทาง สามารถเข้าถึงสินค้าได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
จะเห็นว่า การมาของ “Makro PRO” ช่วยให้ทั้งผู้บริโภค, ผู้ประกอบการร้านค้า และแม็คโคร ได้ประโยชน์ไปพร้อม ๆ กัน นั่นเอง
นอกจากการเปิดตัวแอปพลิเคชันแล้ว Makro PRO ยังได้เปิดตัวพรีเซนเตอร์คนแรก คือ “คุณญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์”
พร้อมกับการปล่อยภาพยนตร์โฆษณา เพื่อโปรโมตและสร้างการรับรู้ ผ่านสื่อต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ซึ่งเหตุผลที่เลือกคุณญาญ่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการตอกย้ำความเป็น “ซูเปอร์แอป” ของ Makro PRO
เลยเลือก คุณญาญ่า ที่เป็นซูเปอร์สตาร์ มาเสริมภาพลักษณ์นี้
โดยปัจจุบัน ธุรกิจ Omni-channel ของแม็คโคร เป็นธุรกิจที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
และแม็คโคร ตั้งเป้าว่า “Makro PRO” จะทำให้ยอดขายในส่วนของ e-commerce เติบโตถึง 88%
พออ่านมาถึงตรงนี้ บางคนอาจสงสัยว่า
แล้วหลังจากนี้ แม็คโคร จะโฟกัสเฉพาะช่องทางออนไลน์อย่างเดียว และหยุดขยายธุรกิจออฟไลน์ หรือไม่ ?
คำตอบคือ แม็คโคร จะโฟกัสและทุ่มลงทุน ควบคู่ทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ เพื่อให้ทั้ง 2 ช่องทาง
เติบโตไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับช่องทางออฟไลน์ ปีนี้ตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่ม 10-12 สาขา ในประเทศไทย
โดยเน้นไซซ์ประมาณ 4,000 ตารางเมตร ที่เสริมด้วยพื้นที่ Omni-Channel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดส่งสินค้า
ดังนั้นสาขาของแม็คโคร ก็จะเป็นทั้งแบบออฟไลน์ และกึ่ง DC หรือ Warehouse ที่ส่งสินค้าให้ลูกค้า ในทุกช่องทาง
ส่วนช่องทางออนไลน์ ก็พัฒนาระบบและแอปพลิเคชันให้ดียิ่งขึ้น และเพิ่มจำนวนสินค้าให้มากขึ้น
เพราะแม็คโคร ไม่ได้มอง ออฟไลน์และออนไลน์ ขาดจากกัน แต่ทั้ง 2 ช่องทาง จะช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน
อย่างการขยายสาขา จริง ๆ แล้วช่วยให้ธุรกิจออนไลน์เติบโตขึ้นด้วยซ้ำ
เช่น เวลาลูกค้ามาเจอสินค้าที่ร้าน พอเขาเคยเห็น และเกิดสนใจ วันหลังก็เข้าแอปพลิเคชัน แล้วค่อยซื้อทางออนไลน์ได้
ซึ่งแม็คโคร มองว่า ภายในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ด้วยการเติบโตของธุรกิจ Omni-Channel จะมีศักยภาพมากพอที่จะช่วยผลักดันให้แม็คโคร เติบโตแบบเลข 2 หลักได้..
© 2024 Marketthink. All rights reserved. Privacy Policy.